๗.นิทาน
เรื่อง นางจิญจมาณวิกาท้องโต
๐ มีนิทานนานสุุดคร้ังพุทธกาล เป็นนิทานเรื่่องจริงทุกสิ่งสี
เมื่อพระสัพพัญญูยังอยู่ดี ประทับที่เชตวันสำราญรมย์
ท่ามกลางพวกเดียรถีย์มีลัทธิ เป็นมิจฉาทิฎฐิมิเหมาะสม
สั่งสอนธรรมไปตามความนิยม คนโง่งมชมชอบนบนอบกัน
พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ชอบ คนทุกขอบเขตเมืองเลื่่องลือลั่น
มาเลื่อมใสศรัทธาบูชากัน ชีป่านั้นอดอยากลำบากนัก
พวกเดียร์ถีย์มีจิตคิดริษยา จึงคิดหาอุบายทำลายหนัก
จ้างนางจิญจมาณวิกายุพาพักตร์ เข้าสำนักเชตวันหม่ั่นไปมา
เมื่อตอนเย็นเวลาจะสายัณห์ ให้นางนั้นแต่งตัวยั่วตัณหา
นุ่งสีทับทิมทองผ่องวรรณา ในหัตถาถือดอกดวงพวงมาลัย
ทำเป็นทีเข้าไปหาตถาคต กระช้อยชดกิริยาอัชฌาสัย
ใครถามว่าจวนค่ำไปทำไม ทำอึ้งอ้ำงำไว้มิพูดจา
ถึงตอนเช้าเจ้าแสร้งสำแดงตน ออกจากเชตุพนอารามป่า
เดินสวนทางคนเขาที่เข้ามา เพื่อวันทาพระพุทธองค์ตอนช้าน้ัน
ถ้าใครถามว่าไปอยู่ไหนมา นางพูดจาบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงนั่น
ว่าท่านจะรู้ไปทำไมกัน ว่าตัวฉันไปนอนอยู่บ่อนใด
พอครบเดือนถ้ามีพวกชีบา ชาวประชาไต่ถามความสงสัย
นางตอบว่าไปนอนซ่อนอยู่ใน กุฎิใหญ่ของพระศาสดา
ห้าหกเดือนต่อมาเอาผ้ารัด เข้าไปยัดหน้าท้องให้ป่องกว่า
คนถามว่าท้องใหญ่กับใครมา นางตอบว่าผัวเราคือเจ้าชาย
ถึงเก้าเดือนทำท้องให้ป่องโย้ เอาขอนโตถากกลมให้สมหมาย
ผูกท้องให้ใหญ่เกินเดินสะพาย ทำให้คล้ายท้องแก่เป็นแม่คน
แล้วไปยืนอยู่หน้าตถาคต ทำเพ้อพจน์พุูดร้องทำนองบ่น
สมณะนี้ดีแต่สอนนิกรชน แต่ไม่สนใจเมียที่เสียตัว
ไม่จัดหาหอห้องให้น้องหน่อย ก็ไม่น้อยใจที่เรามีผัว
ให้เศรษฐีท่านสร้างไว้ข้างรั้ว ไม่ว่าชั่วสักหน่อยไม่น้อยใจ
พระพุุทธองค์ทรงสอดทอดพระเนตร ทรงหยุุดเทศน์นิ่งอยุู่่สักครู่ใหญ่
ตรัสว่าแม่น้องหญิ่งเท็จจริงไซร้ เราก็รู้แท้แต่สองคน
ทั่วทุกคนนิ่งอึ้งตะลึงเนตร พระผู้เพศอรหันต์อนันตผล
ถึงแสนรู้อยู่ร่ำก็จำจน พระทศพลไม่แจ้งแถลงการ
ทันใดนั้นบันดาลพิมานฟ้า พระอินทราแจ้งจิตคิดสงสาร
บันดาลให้ไม้ป่องเหมือนท้องมาน หลุดลงมาหน้าฉานพระศาสดา
ถูกหลังเท้านางแน่เป็นแผลขาด โลหิตสาดไหลหล่อลงต่อหน้า
ฝูงชนที่นั่งเฝ้าเหล่าประชา จึงตีด่าทุบถองจนร้องครวญ
ฉุดกระชากลากออกไปนอกวัด เกิดวิบัติทันตาน่ากำสรวล
แผ่นดินแยกแตกยับสูบนางนวล ร่างเซซวนจมดินจนสิ้นใจ
คนมาเล่าพระองค์ก็ทรงตรัส จะอุบัติในนรกต้องหมกไหม้
นับเป็นแสนล้านปีแต่นี้ไป ไม่มีใครล้างบาปที่หยาบช้า
จิญจมาณวิกาเกิดมาร้าย จึงต้องตายไปตกนรกกล้า
เมื่อชาติก่อนเคยเกิดกำเนิดมา ชื่อว่านางอมิตดามีสามี
ชื่อชูชกชายเฒ่าโศกเศร้ามาก ต้องลำบากเดินป่าพนาศรี
อมิตตายุยงเข้าพงพี ในชาตินี้กลับชาติเป็นทาสทุกข์
รับใช้เหล่าเดียร์ถีย์พวกชีป่า ทาสปัญญาเขาเล่นเป็นสนุก
จะตกนรกหมกไหม้ไปหลายยุค ไม่มีสุขอีกนานนับล้านปี (๔๔ คำ)
๒๐ ธันวาคม ๒๕๓๒
เมื่อพระสัพพัญญูยังอยู่ดี ประทับที่เชตวันสำราญรมย์
ท่ามกลางพวกเดียรถีย์มีลัทธิ เป็นมิจฉาทิฎฐิมิเหมาะสม
สั่งสอนธรรมไปตามความนิยม คนโง่งมชมชอบนบนอบกัน
พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ชอบ คนทุกขอบเขตเมืองเลื่่องลือลั่น
มาเลื่อมใสศรัทธาบูชากัน ชีป่านั้นอดอยากลำบากนัก
พวกเดียร์ถีย์มีจิตคิดริษยา จึงคิดหาอุบายทำลายหนัก
จ้างนางจิญจมาณวิกายุพาพักตร์ เข้าสำนักเชตวันหม่ั่นไปมา
เมื่อตอนเย็นเวลาจะสายัณห์ ให้นางนั้นแต่งตัวยั่วตัณหา
นุ่งสีทับทิมทองผ่องวรรณา ในหัตถาถือดอกดวงพวงมาลัย
ทำเป็นทีเข้าไปหาตถาคต กระช้อยชดกิริยาอัชฌาสัย
ใครถามว่าจวนค่ำไปทำไม ทำอึ้งอ้ำงำไว้มิพูดจา
ถึงตอนเช้าเจ้าแสร้งสำแดงตน ออกจากเชตุพนอารามป่า
เดินสวนทางคนเขาที่เข้ามา เพื่อวันทาพระพุทธองค์ตอนช้าน้ัน
ถ้าใครถามว่าไปอยู่ไหนมา นางพูดจาบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงนั่น
ว่าท่านจะรู้ไปทำไมกัน ว่าตัวฉันไปนอนอยู่บ่อนใด
พอครบเดือนถ้ามีพวกชีบา ชาวประชาไต่ถามความสงสัย
นางตอบว่าไปนอนซ่อนอยู่ใน กุฎิใหญ่ของพระศาสดา
ห้าหกเดือนต่อมาเอาผ้ารัด เข้าไปยัดหน้าท้องให้ป่องกว่า
คนถามว่าท้องใหญ่กับใครมา นางตอบว่าผัวเราคือเจ้าชาย
ถึงเก้าเดือนทำท้องให้ป่องโย้ เอาขอนโตถากกลมให้สมหมาย
ผูกท้องให้ใหญ่เกินเดินสะพาย ทำให้คล้ายท้องแก่เป็นแม่คน
แล้วไปยืนอยู่หน้าตถาคต ทำเพ้อพจน์พุูดร้องทำนองบ่น
สมณะนี้ดีแต่สอนนิกรชน แต่ไม่สนใจเมียที่เสียตัว
ไม่จัดหาหอห้องให้น้องหน่อย ก็ไม่น้อยใจที่เรามีผัว
ให้เศรษฐีท่านสร้างไว้ข้างรั้ว ไม่ว่าชั่วสักหน่อยไม่น้อยใจ
พระพุุทธองค์ทรงสอดทอดพระเนตร ทรงหยุุดเทศน์นิ่งอยุู่่สักครู่ใหญ่
ตรัสว่าแม่น้องหญิ่งเท็จจริงไซร้ เราก็รู้แท้แต่สองคน
ทั่วทุกคนนิ่งอึ้งตะลึงเนตร พระผู้เพศอรหันต์อนันตผล
ถึงแสนรู้อยู่ร่ำก็จำจน พระทศพลไม่แจ้งแถลงการ
ทันใดนั้นบันดาลพิมานฟ้า พระอินทราแจ้งจิตคิดสงสาร
บันดาลให้ไม้ป่องเหมือนท้องมาน หลุดลงมาหน้าฉานพระศาสดา
ถูกหลังเท้านางแน่เป็นแผลขาด โลหิตสาดไหลหล่อลงต่อหน้า
ฝูงชนที่นั่งเฝ้าเหล่าประชา จึงตีด่าทุบถองจนร้องครวญ
ฉุดกระชากลากออกไปนอกวัด เกิดวิบัติทันตาน่ากำสรวล
แผ่นดินแยกแตกยับสูบนางนวล ร่างเซซวนจมดินจนสิ้นใจ
คนมาเล่าพระองค์ก็ทรงตรัส จะอุบัติในนรกต้องหมกไหม้
นับเป็นแสนล้านปีแต่นี้ไป ไม่มีใครล้างบาปที่หยาบช้า
จิญจมาณวิกาเกิดมาร้าย จึงต้องตายไปตกนรกกล้า
เมื่อชาติก่อนเคยเกิดกำเนิดมา ชื่อว่านางอมิตดามีสามี
ชื่อชูชกชายเฒ่าโศกเศร้ามาก ต้องลำบากเดินป่าพนาศรี
อมิตตายุยงเข้าพงพี ในชาตินี้กลับชาติเป็นทาสทุกข์
รับใช้เหล่าเดียร์ถีย์พวกชีป่า ทาสปัญญาเขาเล่นเป็นสนุก
จะตกนรกหมกไหม้ไปหลายยุค ไม่มีสุขอีกนานนับล้านปี (๔๔ คำ)
๒๐ ธันวาคม ๒๕๓๒