วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

๔๒. นิทานเรื่อง พระโกณฑะธาานเถระ


๔๒. นิทาน
เรื่อง พระโกณฑะธานเถระ

     ๐ มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล            เป็นนิทานเรื่องประหลาดคาดไม่ถึง
เป็นเรื่องกรรมตามทันหมั่นรำพึง               ว่าเถรหนึ่งชื่อพระโกณฑะธาน
เข้ามาบวชในอารามอันงามเนตร              ชื่อวัดเชตุพนวิมลสถาน
อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างทำทาน             ในสมัยพุุทธกาลเนิ่นนานมา
พระโกณฑะธานเถรเป็นพระแปลก           ต้ังแต่แรกบวชได้ในพรรษา
ท่านเที่ยวออกบิณฑบาตเดินยาตรา         มีฉายาหญิงงามเดินตามไป
ใครก็เห็นเช่นน้ันเหมือนกันทั่ว                 ว่าพระมั่วมาตุคามด้วยความใคร่
ฝ่ายพระสงฆ์องค์เจ้าไม่เข้าใจ                 กลัวใครใครนินทาเสียอาราม
จึงไปฟ้องเศรษฐีผู้มีทรัพย์                      ท่านไม่รับรู้ด้วยกลับช่วยห้าม
มิให้พระพูดจาพยายาม                           จะดับความนินทาบรรดาพระ
จึงไปร้องฟ้องนางวิสาขา                        ลุโสดาบันดีวิสาสะ
แต่นางไม่หูเบาเอาธุระ                            จึงฟ้องพระพิมพิสารจัดการที
พระเจ้าพิมพิสารฟังสารแสลง                  กลัวเรื่องแดงโร่นักเสียศักดิ์ศรี
จึงสั่งอำมาตย์ชาติเสนี                            ไปจับพระอลัชชีที่อาราม
ให้ราชบุรุษรุดห้อมล้อมกุฎี                      จะจับชีคนชั่วมั่วส่ำสาม
พระเถระศีลชั่วชอบมั่วกาม                      มีหญิงงามตามติดปฤศฎางค์
พระราชาเข้าไปในกุฎี                             กลับไม่มีหญิงนั่งอยูข้างข้าง
ให้ค้นในกุฎีทุกที่ทาง                             ไม่เห็นนางซุกซ่่อนอยู่บ่อนใด
จึงถามพระโกณฑะเถระเจ้า                    ว่าเห็นเยาวนารีอยู่ที่ไหน
พระเถระว่าเขาเล่าลือไกล                      แต่ฉันไมเคยพบประสบนาง
พระราชาทราบได้ในดวงจิต                   เป็นเรื่องผิดประเพณีเรื่องผีสาง
พระเถระควรพ้นมลทินพลาง                  คนอื่นคลางแคลงใจมิได้การ
จึงนิมนต์เถรไว้มิให้ขาด                         ให้ไปบิณฑบาตในราชฐาน
ใครไม่ตักบาตรท่านอดกันดาร               ภัตตาหารในวังก็ยังมี
พระเถระที่ฟ้องร้องเรียนท่าน                 ยังกล่าวขานพูดถึงกันอึงมี่
พระตถาคตรู้คู่คดี                                  จึงเรียกคู่กรณีเข้าที่ประชุม
พระเถระแก่หนุ่มประชุมสงฆ์                  ถ้วนทุกองค์พร้อมหนาชราหนุ่ม
ต่างชี้หน้าด่าชีที่จนมุม                          ว่ามั่วสุมสีกามาประจำ
พระเถระตอบว่าข้าพเจ้า                        อยู่ตัวเปล่าเป็นพื้นทุกคืนค่ำ
กุฎีอยู่แค่คืบไปสืบคลำ                         จะเก็บงำหญิงไว้อย่างไรกัน
พระพุทธองค์ทรงว่าฉายาหญิง             มันมีจริงตามข่าวที่กล่าวขวัญ
เพราะเกิดจากเวรกรรมมาตามทัน         เพราะกรรมอันลามกจะยกมา
ชาติก่อนพระโกณฑะธานเถร               เธอเกิดเป็นเทพดาวดึงสา
ในศาสนากัสสปะพระพุทธา                 เห็นเถราสองรูปรักใคร่กัน
จึงยุแยกให้แตกสามัคคี                       จึงแปลงกายเป็นนารีรูปคมสัน    
ตามหลังพระองค์หนึ่งตะบึงตะบัน        เอามือน้ันจัดผมผ้าห่มกาย
แสดงว่าเป็นเล่ห์เสพเมถน                   พึงเสร็จไปไออุ่นยังไม่หาย
ผมเผ้ายุ่งผ้านุ่งอันตราย                       จึงเยื่่้องกรายสำแดงแสร้งมารยา
พระเถระอีกองค์ก็หลงผิด                     เห็นว่ามิตรผิดศีลสิ้นสิกขา
จึงด่าเพื่อนแสนเจ็บเสพสีกา                เป็นปาราชิกแล้วไม่แคล้วไป
ด่วยกรรมที่เล่นตลกลามกจิต               ให้สงฆ์ผิดใจมักไม่รักใคร่
เทวดาดาวดึงส์จึงจากไกล                   บังเกิดในมหานรกอเวจี
จนสิ้นพุทธันดรแต่่ก่อนกัปป์                 จึงได้กลับเกิดกรุงสาวัตถี
มาบวชในพุทธศาสน์ในชาตินี้              มีนารีตามหลังอยู่ทุกวัน
อันแรงกรรมกระทำกระหน่ำสงฆ์          ด่ังกรรมกงกำเกวียนหมุนเวียนผัน
หมุนไล่ต้อนตีนวัวเข้าพัวพัน                แรงกรรมน้ันแรงยิ่งกว่าสิ่งใด    ( ๕๖ คำ)

                                                                   ๒๔ มกราคม  ๒๕๓๓

* การยุสงฆ์ให้แตกกัน เป็นอนันตริยกรรม 
เป็นสมีปาราชิก  เป็นเทวดาก็ตกสวรค์ลงนรก                     

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2559

๔๑. นิทาน เรื่อง สันตติมหาเสนามาตย์ อรหันต์วันเดียว


๔๑. นิทาน
เรื่อง สันตติมหาเสนามาตย์ อรหันต์วันเดียว

     ๐ มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล         เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งสรรพ์
เรื่องสันตติมหาเสนานันต์                      เป็นอรหันต์ทันทีก็นิพพาน
ท่านสันตติมหาเสนามาตย์                    เป็นอำมาตย์เสนาผู้กล้าหาญ
เป็นที่โปรดเมตตามาช้านาน                 พระเจ้าพิมพิสารทรงไว้ใจ
เมื่อมีเรื่องวุ่นวายที่ชายแดน                  ประชาชนข้นแค้นลุกลามใหญ่
ทรงมอบสันตติมาหเสนาใน                  ให้ออกไปปราบการจราจล
ปราบสำเร็จเสร็จสรรพแล้วกลับมา        พระราชาโสดาปัตติผล
จึงปูนยศใหญ่มอบให้ชอบกล                มอบเครื่องต้นเครื่องทรงองค์ราชา
ให้ครองกรุงปัตถเวนขึ้นเป็นใหญ่          กำหนดให้เจ็ดวันเพื่อหรรษา
พระราชทานนักฟ้อนอ่อนเอวมา            พร้อมบรรดามโหรีดนตรีการ
ให้สันตติเสนาราชาสมมุติ                     ชมประดุจราชาามหาศาล
สันตติเอิกเกริกแสนเบิกบาน                 สนุกสนานเพลิดเพลินจำเร็ญใจ
เสวยน้ำจัณฑ์เมาด้วยเหล้ายา               ทอดทัศนานางอนงค์อย่างหลงไหล
ให้นักฟ้อนฟ้อนรำระบำใน                     ดั่งอัปสรอ่อนไหวไปทั้งตัว
ยั่วกิเลสตัณหาให้ผาสุก                        แสนสนุกเหลือใจมิใช่ชั่ว
ดูทั้งคืนทั้งวันเผ้าพันพัว                        แสนเมามัวกามายั่วอารมณ์
แม้สันตติอำมาตย์ชาติเสนา                  ลุโสดาปัตติผลยังหมักหมม
เมื่อนักฟ้อนร่อนร่าให้น่าชม                  โอษฐ์ก็อมสุราถึงตาลาย
ครบเจ็ดวันพอดีมีวาสนา                       เป็นราชาครองกุรงสมมุ่งหมาย
จีงขี่ช้างออกมาโอ่อ่ากาย                     จะสรงสายธารที่ท่่าน้ำ
ทอดพระเนตรสังเกตพลกาย                ทั้งหญิงชายไปมากันคลาคล่ำ
เห็นพระพุทธองค์งามอร่ามล้ำ              ทรงเดินนำไปหน้าพระอานนท์
ออกโปรดสัตว์น้อยใหญ่ในตลาด         ท่านมหาอำมาตย์ไม่ฉงน
ก้มพระพักตร์พยักหน้ารับว่าตน            เคารพพระทศพลถึงตนเมา
พระพุทธองค์ทรงยิ้มปริ่มพระโอษฐ์     ดั่งจะโปรดอำมาตย์มากกว่าเก่า
พระอานนท์สนใจมิใช่เบา                    อาจารย์เรายิ้มทีมักมีนัย
จึงทุลถามพระองค์ทรงพระสรวล         จะคู่ควรแก่อำมาตย์ขนาดไหน
จึงตรัสพยากรณ์พลันในทันใด             วันนี้ในตอนบ่ายชายสุริยา
สันตติอำมาตย์ราชภูษิต                      ที่ทรงฤทธิ์แทนทดมียศถา
จะแต่งเครื่องแต้มยศมีกฎชา               จะเดินทางมาหาตถาคต
อันเราจักแสดงเหตุธรรมเทศนา          สี่คาถาให้ฟังด่ั่งกำหนด
เขาจักลุอรหัตตัดสมมติ                      จนปรากฎอิทธิฤทธิ์ตรีวิชชา
เขาจะเหาะขึ้นเร่สู่เวหาส                     บนอากาศสูงนักดั่งปักษา
สูงชั่วเจ็ดลำตาลประมาณว่า               เจ็ดสิบห้าวาจัดว่าอัศจรรย์
พยากรณ์ล่วงหน้าตถาคต                   ก็ปรากฎเลื่องลืออื้ออึงนั่น
พวกเดียร์ถึย์ไม่เชื่อแสนเบื่อครัน        ชนนอกนั้นเชื่อถือเลื่องลือไกล
ฝ่ายสันตติอำมาตย์ชาติเสนา             พระราชาชั่วคราวเกรียวกราวใหญ่
ครั้นเล่นน้ำฉ่ำชื่นรื่นพระทัย                ให้แห่ไปยังพระราชอุทยาน
ขึ่ช้างน่ังในกระบวนถึงสวนขวัญ         คนแห่ห้อมล้อมกันสนุกสนาน
พักพลับพลาสวนขวัญอันตระการ      พนักงานจัดหาสุราดี
มาถวายให้เสวยเสบยบาน                  ให้นงคราญนักฟ้อนอ่อนอิตถี
คนโปรดพระราชายอดยายี                 มาร่ำร่ายส่ายโสณีล่อนัยน์ตา
มโหรีปี่ซอเคล้าคลอเสียง                  เสนาะเพียงเพลงสวรรค์สุดหรรษา
ท่านสันตติอำมาตย์ชาติเสนา            พระราชาชั่วครู่ชื่นชูใจ
ขณะน้ันนักฟ้อนอัปสรสาว                 ล้มทับท่าวซวนซบสลบไสล
ร่างขักงอชักดิ้นแล้วสิ้นใจ                 สุดแก้ไขกลับฟื้นให้คืนมา
พระราชาชั่วคราวทรงเศร้าโศก         แสนวิโยคยังรักเธอหนักหนา
แม้กำลังดื่้มเหล้าเมาสุรา                  ก็สร่างซาแสนโศกนั่งโงกงง
จึงผลุนผลันผันผินถวิลหา                พระศาสดาอยู่ในไพรระหง
ส่ังพลไพรแห่ห้อมแวดล้อมวง          เข้าในพงไปหาพระอาจารย์
ไปถึงพระเชตวันสายัณห์ค่ำ             แล้วก็พร่าทูลองค์ด้วยสงสาร
ถึงนักฟ้อนฉะอ้อนกายมาวายปราณ จงโปรดปรานดับโศกวิโยคครวญ
สมเด็จพระผู้แจ้งแทงใจสัตว์            พระก็ตรัสระงับดับกำสรวล
ท่านมหาอำมาตย์ใหญ่จงใคร่ครวญ  คิดทบทวนชาติก่อนที่ย้อนมา
ถ้าจะรวมน้ำตานองหน้าเจ้า              ในชาติเก่าที่ได้อาลัยหา
ถึงนางนาฎที่ตายวายชีวา                 ยังมากกว่าพระมหาสมุทัย
ความกังวลสิ่งใดในใจจิต                 จงปลดปลิดกังวลอย่าหม่นไหม้
อย่ากังวลเก่าก่อนทีร้อนใจ              กังวลใหม่ปัจจุบันจงบั่นทอน
ถ้าท่านตัดกังวลให้พ้นอก                ไม่วิตกในทรวงดวงสมร
ท่านจะท่องเที่ยวไปในอัมพร           นิรันดรสันติสุขสิ้นทุกข์แล้ว
สันตติอำมาตย์ชาติบุรุษ                   จิตก็หลุดโลกล่วงโดยผ่องแผ้ว
บรรลุุธรรมโสภิณจนสิ้นแนว             จิตแน่แน่วสู่สถานนิพพานพ้น
สำเร็จฌานแก่กล้าวิชชาสาม           สมดั่งความปรารถนาสถาผล
จึงกราบบาทตถาคตพระทศพล       เหาะขึ้่นบนนภากาศดั่งชาตินก
แล้วนั่งขัดสมาธิสติมั่น                     ลอยอยู่ชั้นเวหาสชาติวิหค
เล่าถึงชาติก่อนมาเป็นสาธก            อุบาสกสึกาเชิญมาฟัง
ในสมัยพระพุทธวิปัสสี                     หม่อมฉันนี้เกิดมาในคราหลัง
ชอบทำบุญหนักหนาในคราคร้ัง      ทั้งชอบฟังพระธรรมเทศนา
ชอบประกาศชวนเขาชาวนคร          ราษฎรดีชั่วถ้วนทั่วหน้า
ให้ทำบุญสุนทานการภาวนา            เป็นมรรคนายกใหญ่สมัยนั้น
พระราชาถามว่าอุบาสก                   เที่ยวเดินบกเบิกถางทางสวรรค์
ท่านไปโดยพาหนะอะไรกัน             ว่าหม่อมฉันเดินไปใช้บาทา
พระราชาโปรดปรานประทานให้      ขี่ม้าใช้อย่างดีให้มีหน้า
เห็นพากเพียรปรากฎไม่ลดรา         พระราชาโมทนาศรัทธาไทย
พระราชทานรถม้าให้มาแทน           ให้ขับแล่นโฆษณาภาษาศัย
หม่อมฉันทำหน้าที่อย่างดีไป          พระก็ให้ช้างทรงองค์ราชา
ให้ขี่เที่ยวโฆษณาประชาราษฎร์     ให้ทำบุญตักบาตรในศาสนา
ให้ฟังธรรมคำพระเทศนา                จงทำหน้าที่น้ันทุกวันไป
บุพกรรมอันนี้ทวีผล                        จึงเกิดวนเวียนยุคทุกสมัย
มาจนถึงชาตินี้มีโชคชัย                  ได้เป็นใหญ่เทียมทัดกษัตรา
ท่านสันตติเสนามหาอำมาตย์         รำลึกชาติก่อนสิ้นถวิลหา
จึงเล่าบุพกรรมน้อมนำมา               ถวายตถาคตพลางกลางลมบน
อุบาสกสีกาประชาราษฎร์               ก็เกลือนกลาดฟังเทศน์เห็นเหตุผล
ตถาคตรับรองผองยุบล                  ต้ังแต่ต้นจนจบว่าครบครัน
สันตติอำมาตย์ชาติเสนา                พระราชาชั่วคราวที่กล่าวขวัญ
จึงเข้าเตโชธาตุอัคคีพลัน              อัศจรรย์ธาตุไฟก็ไหม้พอง
ไฟลุกโชติช่วงแรงสีแดงจ้า           ไหม้กายาท่านคล้ายละลายล่อง
เหลือธาตุดอกมะลิสิเป็นทอง         ร่วงลงท้องภาคพื้นภูวดล
พระพุทธองค์ทรงสั่งให้สร้างรูป     พระสถูปอันใหญ่ไว้กลางหน
เพื่อเป็นที่บูชามหาชน                   เป็นบุคคลชั้นกษัตริย์ขัตติยา
สำเร็จพระอรหัตตัดกิเลส               อยู่ในเพศคฤหัสถ์วาสนา
มหาชนนับถือเลื่องลือชา              เรื่องมหาสันตติอำมาตย์นั้น
พระอรหันต์วันเดียวประเดี๋ยวหนึ่ง  แล้วก็ถึงดับชาติสิ้นธาตุขันธ์
มีฤทธิ์เหาะลอยฟ้านภาพลัน          เข้าฌานขั้นสมาบัติธาตุเตโช
ไหม้กายาท่านพลางกลางอากาศ  เหลือสารีริกธาตุอยู่อักโข
พระพุทธองค์สร้างสถูปไว้อยางใหญ่โต  ให้คนโมทนาบุญไม่สูญไป   (๙๖ คำ)

                                                               ๒๓  มกราคม ๒๕๓๓
 
                                            

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2559

๔๐. นิทานเรื่อง พระโมคคัลลาน์ถูกโจรฆ่า


๔๐ นิทาน
เรื่อง พระโมคคัลลาน์ถูกโจรฆ่า

     ๐ มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล                  เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งสัตย์
เพื่อแสดงเรื่องกรรมมาซ้ำซัด                         ถึงเป็นพระอรหัตไม่ตัดกรรม
ในสมัยพุทธกาลช้านานนั่น                            มีเรื่องอันเล่าลือระบือร่ำ
พระโมคคัลลาน์อรหันต์อันเลิศล้ำ                  ท่านอาจทำปาฎิหารย์อันลือชา
ญาติของใครตายไปในปรโลก                       ต่างเศร้าโศกร้องไห้อาลัยหา
ไปหาพระอโศกโมคคัลลาน์                          ก็รู้ว่าตายไปอยู่ไหนกัน  
ด้วยบุญกรรมอันใดทำไว้แล้ว                        จึงคลาดแคล้วไปสู่อยู่สวรรค์
ด้วยบุญกรรมอันใดทำไว้ครัน                        จึงตายพลันไปตกนรกร้อน
ผู้ใดล้มตายไปไม่ทันสั่ง                                จะฝากฝังสิ่งใดมิได้ก่อน
พระโมคคัลลาน์รู้ความนามกร                       อาจจะย้อนบอกจริงทุกสิ่งไป
ให้ทำบุญสิ่งใดส่งไปถึง                                อุทิศซึ่งบุญส่งก็คงได้
ท่านเป็นสื่อบุญทานส่งสารไกล                    ถีงญาติในปรโลกอย่าโศกทรวง
พิสูจนืได้ทุกสิ่งทั้งหญิงชาย                         ที่ล้มตายปรากฎว่าหมดห่วง
ท่านพูดถูกต้องยิ่งสิ่งทั้งปวง                         เพราะได้ดวงทิพย์เนตรเห็นเหตุการณ์
มหาชนทั้งหลายทั้งชายหญิง                       เลื่อมใสยิ่งโมคคัลลาน์มหาศาล
อัครสาวกเบื้องซ้ายยอดชายชาญ                มีลาภทานเนืองนองเสียงซร้องชม
พวกเดียร์ถีย์นิครนถ์ต่างบ่นบ้า                     จำต้องฆ่าเสียเถิดจึงเกิดผล
มิฉะนั้นพวกเราเข้าตาจน                              เพราะมีคนดีเลิศมาเกิดแล้ว
จึงจ้างโจรใจฉกาจพิฆาตฆ่า                        ด้วยเงินตราข้าวของเป็นกองแก้ว
พวกมือปืนรับจ้างจึงวางแนว                        ต้ังซ่องแถวแนวป่าตามฆ่าฟัน
ติดตามเดือนสองเดือนไม่เหมือนคิด            จึงตามติดสามเดือนในเถื่อนนั้น
เข้าล้อมจับสามหนชอบกลครัน                    ยังถลันหนีรอดโดยปลอดภัย
พระโมคคัลลาน์อรหันต์พลันรำลึก               รำลึกถึงกรรมก่อนย้อนมาให้
จึงยอมให้หมู่โจรทะโมนไพร                       มันจับไปทุบตีจนบี้แบน
มันทุบตีเหลวแหลกจนแตกป่น                    แต่ก็ทนเจ็บเนื้ออย่างเหลือแสน
มันหามไปทิ้งไว้ในดงแดน                           ก็เหมือนแม้นศพตายไม่หายใจ
สำแดงฤทธิ์ตั้งจิตอธิษฐาน                           ให้ประสารอัฐิตนอีกหนใหม่
แล่้วเหาะลอยขึ้นฟ้านภาลัย                          เข้าไปไหว้กราบลาพระอาจารย์
พระพุทธองค์ตรัสว่าโมคคัลลานะ                เธอก็จะล่วงลับดับสังขาร
จะจากไปไกลลิบสู่นิพพาน                          รออีกนานกว่าจะพบประสบกัน
เราจะหาสาวกใสที่ไหนเล่า                          จะเที่ยมเท่าโมคัลลานน์อรหันต์
จงสำแดงภักดีในชีวัน                                  ให้เราทันได้ทอดทัศนา
พระโมคคัลลานะกราบพระบาท                   พระบรมโลกนาถตินาถา
แล้วเหาะลอยคล้อยเคลื่อนเลื่อนนภา          ทำลีลาเยื้องกรายถวายองค์
แล้วลอยลิ่วปลิวไปในอากาศ                       ทำลีลาศเช่นนกวิหคหงส์
ทำปีกอ่อน่อนราถลาลง                               แล้วเหาะตรงไปถ้ำกาฬศิลา
นิพพานโดยเด็ดเดี่ยวไม่เหลียวหลัง            ไม่ออกปากฝากฝังทุกสิ่งสาร์
กระทำเตโชฌานมินานช้า                            อัคคีฟ้าฟอนกายจนหายไป
พระเจ้าอชาตศัตรูทรงรู้ข่าว                          สืบเรื่องราวโจรป่าฆ่าพระใหญ่
รับจ้างเดียรถีย์โยคีไพร                                เมื่อจับได้ท้ังก๊กให้หมกดิน
ให้โผล่แค่สะดือให้ถือไถ                             ไถร่างไปชีพยับจนดับดิ้น
เอาไฟจุดเผาร่างให้พังภิณฑ์                       ไม่เหลือชิ้นเนื้อแยกจนแหลกลาญ
ประชาชนโพทนาว่าไฉน                              พระสงฆ์ใหญ่อรหันต์ส่งสัสัณฐาน
มาตายด้วยโจรชั้นอันธพาล                          จนนิพพานทุเรศด้วยเหตใด
พระพุทธองค์ทรงตรัสประวัติเก่า                   เพื่อให้เหล่าพระสงฆ์สิ้นสงสัย
ว่าในคร้ังปางก่อนย้อนไปไกล                       พระเถรใหญ่เกิดมากระทาชาย
เลี้ยงพ่อแม่แก่ชรามาทั้งสอง                        มีคู่ครองชั่้วฟ้าพาฉิบหาย
หาเรื่องให้นานาสองตายาย                          ว่าเหลือร้ายคนชรานี้น่าชัง
ทำเรือนชานบ้านเรือนให้เกลื่อนกลาด          รกเรื่ยราดรุงรังไปทั้งหลัง
คอยตามกวาดไม่ไหวเหนื่อยใจจัง                ขอกลับยังบ้านแล้วต้องแคล้วกัน
เป็นบุรุษรักเมียก็เสียแม่                                จึงคิดแก้ไขฆ่าให้อาสัญ
เห็นพ่อแม่แก่ชราไม่ช้าวัน                             ก็จะพลันตายแล้วไม่แคล้วตาย
จะเลี้ยงพ่อแม่ไว้ไม่ได้แล้ว                           เดี๋ยวเมียแก้วจะแยกแตกสลาย
เราต้องอยู่คนเดียวจะเปลี่ยวกาย                  ต้องวุ่่นวายอารมณ์ต้องตรมใจ
จึงปรึกษาเมียว่าแม่ยาหยี                             อยู่กับพี่อย่าหนีพี่ไปไหน
พี่จะฆ่าพ่อแม่คนแก่ไป                                 เราจะได้มีสุขสิ้นทุกข์ทน
ฝ่ายนางเมียหน้าเนื้อในเสือนั่น                    ว่าฆ่าฟันเสียเถิดประเสริฐผล
แต่เรื่องราวจะรู้ถึงผู้คน                                 เราจะจนแ่กราชอาญา
ฝ่ายเจ้าผัวหัวโง่ผุ้โมหันต์                            ว่าช่วยกันพาไปที่ใน่ป่า
แปลงเป็นโจรปล้นในไพรพนา                     แล้วกลับมาบอกข่าวแก่ชาวเมือง
ใครจะรุ้เล่าว่าเราฆ่าแกง                              ว่าโจรแปลงมันฆ่าจนหน้าเหลือง 
เราก็ทุกข์เศร้าแสนเปล่าเปลือง                   คงสิ้นเรื่องราวดีเงียบฉี่ไป
ฝ่ายนางเมียใจร้ายให้ท้ายผัว                       เตรียมเกวียนวัวข้าวปลาเอามาใส่
บอกบิดามารดาชราวัย                                 ให้ตายใจว่าจะพาไปหาญาติ
ฝ่ายบิดามารดาหูตามัว                                 รักลูกตัวกระไรใจจะขาด
จึงยอมไปโดยดีกระวีกระวาด                       หิ้วกระจาดพลูหมากไปฝากกัน
เกวียนก็แล่นไปไกลถึงไพรเขียว                 เป็นที่เปลี่ยวห่างไกลในไพรสัณฑ์
จึงจอดเกวียนไว้ข้างหนทางน้ัน                   ลุกถลันเข้าป่าอุจจาระ
ฝ่ายนางเมียใจร้ายก็ผายผัน                         ลงเกวียนพลันเข้าป่าวิสาสะ
ว่าฉันจะเข้่าป่าปัสสาวะ                                ประเดี๋ยวจะกลับมาไม่่ช้านาน
ทั้งสองคนผัวเมียไ่ม่เสียหลาย                     รีบแปลงกายเป็นโจรป่ามาล้างผลาญ
เข้าทุบดึตายายแทบวายปราณ                    บิดามารดาว่าถึงคราตาย
เราก็ไม่เสียดายวายชีวิต                              แต่เราคิดเป็นห่วงหน่วงหนักหลาย
ใจเรายังพันผูกถึงลูกชาย                             จะดีร้ายตายเป็นไม่เห็นมา
ลูกอย่าห่วงแม่เลยจงเฉยไว้                         จงหลบภัยให้พ้นจากโจรป่า
พ่อแม่แก่แล้วหนอจะขอลา                          ศพบิดามารดาจงทิ้งไป
จงเอาตัวรอดเถิดประเสริฐแท้                      อย่าห่วงแม่ชีวาคงหาไม่
แม่ขอลาลูกยาด้วยอาลัย                             พบกันใหม่ชาติหน้าแม่ลาแล้ว
สองผัวเมียตีใหญ่ไมฟังเสียง                        แม่เสียงหลงส่งสำเนียงเสียงแจ้วแจ้ว
สั่งจนขาดใจตายไม่วี่แวว                             ว่าลูกแก้วมาฆ่ามารดาตาย
สองผัวเมียเสียแม่แลเสียพ่อ                        ตีจนมรณาสมอารมณ์หมาย
มิได้คิดสงสารท่านตายาย                            ผู้เกิดกายเกิดหัวของตัวมา
ลากเอาศพพ่อแม่ผู้แก่เฒ่า                           เอาเชือกเถาลากไปทิ้งในป่า
รีบขับเกวียนเวียนผันมิทันช้า                        กลับเคหาบ้านเรือนกลบเกลื่อนคน
ว่าเราถูกพวกโจรมันปล้นฆ่า                         บิดามารดาต้องตายในกลางหน
แต่ร้อนรุ่มหัวใจเหมือนไฟลน                        เป็นทุกข์ทนใจกายจนตายไป
ต้องเวียนเกิดเวียนตายหลายร้อยชาติ           ถูกพิฆาตฆ่าปล้นชีพหม่่นไหม้
ทุกชาติถูกฆ่าปลิดชีวิตวัย                             ถูกตีให้ทรมานสุดทานทน
ชาติสุดท้ายเกิดมาควรผาสุก                        แลเห็นทุกข์แจ่มแจ้งทุกแห่งหน
สำเร็จเป็นอรหัตตัดกังวล                              ยังไม่่พ้นโจรป่ามันฆ่าตาย
อันบุญกรรมทำไว้ในโลกหล้า                       สุดหนีหน้าหลบหลีกปลีกหนีหาย
ถีงดำน้ำดำดินบินสบาย                                ยังไม่วายแรงกรรมกระหน่ำลง
อันคำว่า "อกัมมยะตา"                                 ซึงแปลว่า "ไม่สู้" ไม่ประสงค์
"อคัมมยะตา" นี่แลแปลโดยตรง                   คือ "ไม่หนี"ยอมปลงซึ่งชีวี
เป็นหัวใจอรหันต์อนันตยศ                           อันปรากฎว่าเลิศประเสริฐศรี
และ"อตัมมยะตา"พระบาลี                           คือลับลี้ "ไมเกิด" กำเนิดมา
อีก "อมัมมยะตา"ภาษาศัพท์                        ไม่ตายลับสูญธาตุวาสนา
ประดุจพระอรหันต์โมคคัลลาน์                     อยู่ฟากฟ้าสูงลิบพระนิพพาน
เป็นพลังงานทิพย์ลอยลิบหล้า                     ดุจพลังงานไฟฟ้ามหาศาล
อันมีอยู่คู่โลกจักรวาล                                  ไร้สัณฐานและสีไม่มีตน
พระอรหันต์มีอยู่เป็นคู่หล้า                           ดังไฟฟ้ามีแฝงทุกแห่งหน
เป็นพลังงานฟ้าคู่สากล                                โสดาบันบุคคลอริยะ
จึงแลเห็นอรหันต์อันเป็นทิพย์                       อยุ่ลิบลิบทิพย์องค์อมตะ
อยู่เหนือโลกพระโมคคัลลานะ                      สถิตพระนิพพานวิมานฟ้า
ใครเลื่อมใสศรัทธาสักการะ                           รำลึกพระอรหันต์ใฝ่ฝันหา
ย่อมมาโปรดได้พลันทันเวลา                        ในวินาทีน้ันโดยทันใด
ใครไมเชื่อเมื่อฟังก็ชั่งเถิด                             ถ้าใครเกิดศรัทธาพาเลื่อมใส
จะตั้งจิตนิมนต์ให้ดลใจ                                 ก็จะได้ดังจิตที่คิดเอย ฯ    (๑๐๘ คำ)


                                                                            ๒๒ มกราคม  ๒๕๓๓                      
    
                

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

๓๙. นิทานเรื่อง นายพรานโสดาบัน


๓๙. นิทาน
เรื่อง นายพรานโสดาบัน

     ๐ มีนิทานนานสุดครังพุทธกาล          เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งสรรพ์
เรื่องกุกกุฎมิตรพรานไพรใจฉกรรจ์         เป็นโสดาบันเพราะบุญมาหนุนนำ
ในเมืองราชคฤห์ในสมัยนั้น                    พรานสำคัญเข้าเมืองมีเรื่องขำ
เมื่อเข้าป่าล่าเนื้อเหยื่ยประจำ                 แล้วก็ทำเนื้อแห้งสีแดงดี
เข้ามาขายในเมืองอยู่เนืองนิตย์             เลี้ยงชีวิตต่อมาตามหน้าที่
ขับเกวียนน้อยเข้ามายังธานี                   ประชาชีซื้อเนื้อทุกเมื่อไป
ขับเกวียนผ่านบ้านหนึ่งจะพึงกล่าว        เป็นลูกสาวเศรษฐีมั่งมีใหญ่
ยังสาวโสดสวยงามล้ำวิไล                     อันใครใครแหงนเถ่อชะเง้อเงย
หนุ่มคนไหนมาชะเง้อก็เก้อหน้า             ใครไม่กล้าเข้ามาเป็นลูกเขย
เพราะเธอรวยเกินไปกระไรเลย               เฝ้าชมเชยเหมือนว่าดอกฟ้าไกล
เธอทำบุญสุนทานที่บ้านเรือน                ไม่เฉยเชือนพระสงฆ์สักองค์ไหน
หม่ั่นเข้าเฝ้าฟังธรรมชื่นฉ่ำใจ                 จนถีงได้ดวงตาโสดาบัน
เลื่อมใสพระโคตมบรมบุรษ                    ดังเทพบุตรในห้วงสรวงสวรรค์
เหมือนบิดาบังเกิดเกล้าเท่าทกวัน          เธอต้องหมั่นบูชาสักการะ
เห็นนายพรานหนุ่มชายกายกำยำ           ดูข้อล่ำชุ่มชวยหน้าสวยสระ
เธอจ้องมองเช้าเย็นไม่เว้นละ                 จ้องคอยปะหน้าเพือนในเรือนบน
มองลงมาเห็นชายหนุ่มนายพราน           ขับเกวียนผ่นเรือนไปใจสับสน
วาสนาตัดไม่ขาดประหลาดล้น               คอยแอบยลหน้าชายหนุ่มนายพราน
ยิ่งพบเห็นยิ่งคิดพิศวาส                         เป็นบุพเพสันนิวาสดั่งว่าขาน
จึงห่อผ้าตามไปมิได้นาน                       ไปอยู่บ้านนายพรานกันดารไกล
อยู่กินกับนายพรานมานานปี                  จนนางมีลูกชุมเป็นหนุ่มใหญ่
รวมเจ็ดคนหนุ่มสะพรั่งกำลังไว             หากินในดงดานเป็นพรานเนื้่อ
พระพุุทธองค์ทรงส่องมองดุสัตว์           เพื่อจะตรัสโปรดเกล้าเข้าช่วยเหลือ
เห็นพรานฆ่าเนื้่อทรายตายเป็นเบือ       แต่เป็นเชื้อสายพุทธบุตรพระองค์
ล้วนมีบุญวาสนามาแต่ก่อน                   พอจะสอนได้ตามความประสงค์
จึงแบ่งภาคเข้าไปในไพรพง                 ไปถึงดงพรานลวงดักบ่วงไว้
ทรงพินิจพิศแล้วบ่วงแร้วปัก                 เอาไว้ดักสัตว์คล้อยทั้งน้อยใหญ่
เอาบาทเหยียบแร้วน้ันโดยทันใด         แร้วก็ไม่รัดบาทเชือกขาดไป
แล้วประทับนั่งในร่มไม้พุ่ม                    โคนสุมทุมไม้ใหญ่ไม่ไปไหน
นายพรานเห็นก็โกรธพิโรธใจ                พระอะไรไม่ทราบขัดลาภทาน
จึงโก่งคันธนูยืนอยุ่นิ่ง                           จะลั่นยิงศณพิษคิดล้างผลาญ
แต่เหมือนถูกตรึงตราในอาการ             ยืนอยุ่นานนิ่งนิ่งไม่ยิงไป
จะลดคันธนูก็ดูหนัก                              ดังแขนขาจะหักเหงื่อไคลไหล
ทั้งลูกเมียอยู่บ้านรำคาญใจ                  พ่อยังไม่กลับมาจนสายันณ์
เจ้าลูกชายเจ็ฺดคนจึงด้นป่า                   เที่ยวค้นหาพ่อใหญ่ในไพรสัณฑ์
พบพ่อยืนแข็งทื่อซื่อสำคัญ                  จึงพากันโกรธพระแทบจะตาย
เงื้อธนุหมายมาดพิฆาตฆ่า                    เจ้าชีป่าคนนี้เป็นที่หมาย
คงเป็นคนข่มเหงคะเนงร้าย                  ต้องทำลายต้นตอให้มรณา
เจ้าลูกชายนายพรานเป็นพาลชน         ยังมืดมนใจอยู่ไม่รู้ว่า
นั่นคือจอมมุนียอดชีบา                         ใครจะฆ่าให้ตายมิได้เลย
มันจึงง้างคันธนูยืนอยู่นิ่ง                      ไม่ไหวติงอะไรไปเฉยเฉย
มันมึนชาทั้งร่างเหมือนอย่างเคย          อย่างเนื้่อเกยเตาไฟไม่ไหวติง  
ฝ่ายแม่คอยลูกชายก็หายหน้า              พ่อก็หากลับไม่สงสัยยิ่ง
จึงวิ่งเข้าพงไพรสงสัยจริง                     หวั่นประวิงวา่ร้ายล้มตายกัน
ไปพบลูกพบผัวของตัวครบ                  ยืนสยบแข็งทื่ออยู่ที่นั่น
เหลือบไปเห็นพุทธะภควัน                   จึงร้องลั่น "อย่าฆ่าบิดาเรา"
ฝ่ายเจ้าลูกและผัวรู้ตัวแล้ว                   ได้ยินแว่ววาจามารดาเฒ่า
ได้สติเบากายสบายเบา                        จึงก้มเกล้ากราบบาทพระศาสดา
พระพุทธองค์ทรงทราบในบาปบุญ       มาค้ำจุนในชาติวาสนา
พ่อลูกพรานเจ็ดคนให้ผลมา                 จึงเทศนาสอนธรรมชื่นฉ่ำใจ
สำเร็จโสดาบันด้วยกันหมด                  เมื่อรับรสพระธรรมดื่่มด่ำได้
เพราะบุญกรรมเคยสร้างแต่ปางใด       ทรงเล่าให้เขาฟังแต่หลังมา
ในศาสนาพระพทุธกัสสปะ                   นิพพานละขันธ์สิ้นสู่เวหา
กษัตริย์พราหมณ์พวกเหล่าชาวพารา   แบ่งธาตุไปบูชาสักการะ 
แล้วสร้าวพระเจดีย์ศรีพระธาตุ              ประชาราษฎร์ทั้งหลายได้พบปะ
ช่วยกันสร้างชมเล่นไม่เว้นละ               สร้างเป็นพระมหาธาตุุคู่ธานี
ชาวบ้านนอกคนหนึ่งซึ่งพบเห็น           มิได้เว้นศรัทธาในราศี
สละทรัพย์สินเทสร้างเจดีย์                  เป็นทาสีทาสาพระอาราม
ปฎิบัติวัตถามหาธาตุ                            คอยปัดกวาดทั้วไปในสถาน
ทั้งลูกเต้าภรรยาพยายาม                     คอยทำความสะอาดลานวัดวา
ได้เวียนเกิดเวียนตายมาหลายชาติ      วาสนาตัดไม่ขาดพระศาสนา
ในชาตินี้จึงเกิดกำเนิดมา                     เป็นพรานป่าเพราะกรรมเคยทำไว้
ภรรยามาเกิดกำเนิดดี                          เป็นธิดาเศรษฐีบุรีใหญ่
เพราะบุพเพสันนิวาสแต่ชาติไร           จึงรักใคร่ได้กันเป็นภรรยา
ไปเป็นเมียพรานในดานดง                  ดั่งเจาะจงในชาติวาสนา
ช่วยชักลูกพาผัวของตัวมา                  ลุโสดาปัตติผลทุกคนไป
เรื่องนี้ไม่นิพนธ์เป็นมนตรา                 ในบทพาหุงคงนึกสงสัย
เพราะจะเกินเก้ายทพจนัย                  ถือว่าไม่ขลังดีมีมงคล ฯ   ( ๖๘ คำ )

                                                                     ๑๙ มกราคม ๒๕๓๓