วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

๑๒. นิทานเรื่อง โลหิตุบาท


๑๒. นิทาน
เรื่อง  โลหิตุบาท

     ๐ มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล        เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งสรรพ์
ปางเมื่อพระพุทธะภควัน                       ยังทรงขันธ์เป็นพระศาสดา
เมื่อเจ้าชายเทวทัตกษัตริย์ชาติ            เป็นพระญาติอันสนิทใจอิจฉา
ให้พระองค์เป็นพระอุปัชฌาชย์             เมื่อเข้ามาบรรพชาเป็นสาวก
เจ้าชายอื่นพื้นญาติมีวาสนา                  ลุโสดาอรหันต์กันดื่นดก
พระเทวทัตได้ฌาณชำนาญยก             เหาะเหมือนนกเหยี่ยวใหญ่บินไปมา
อยากเป็นใหญ่ในบรรดาพระสาวก        เพื่อจะยกตัวเด่นเป็นหัวหน้า
อยากจะเป็นทายาทพระศาสดา            จึงคิดฆ่าองค์พระภควัน
จ้างเอานายขมังธนูผู้สามารถ                มาพิฆาตศาสดาให้อาสัญ
กลับล้มเหลวเลวจริงทุกสิ่งอัน              โสดาบันใจอ่อนทิ้งศรไป
เอาช้างตกมันมาให้เข้าแทง                  ก็สิ้นแรงหมอบเหมือนไม่เคลื่อนไหว
อันฌานพระศาสดากล้ากระไร              ไม่มีใครจะกล้าเข้าฆ่าฟัน
เราต้องลงมือเองจึงเก่งกว่า                  ต้องจองเวรเข่นฆ่าให้อาสัญ
ขืนทิ้งไว้กำเริบเสิบสานพลัน                ไม่มีวันที่เราจะเข้าแทน
คอยสืบดูรู้ว่าตถาคต                             มีกำหนดเดินทางจึงวางแผน
กลิ้งหินทับทันทีให้บี้แบน                     จึงสมแค้นสมจิตรที่คิดการ
วันนั้นพระพุุทธองค์ผู้ทรงพรต               มีกำหนดเดินไปเข้าไพรสาณฑ์
กระทำพรตในพงดงกันดาร                   จะต้องผ่านเขาแร้งตามแพร่งไพร
จึงขึ้นเขาคิชฌกูฎหน้าบูดบึ้ง                คอยจ้องซึ่งพระศาสดาจะมาใกล้
พอดำเนินผ่านพลันในทันใด                ผลักหินใหญ่ให้เขยื่อนเลื่อนลงมา
หินกระทบแง่ศิลาที่ดารดาษ                ตามไหล่ลาดข้างทางที่ขวางหน้า
หินกระแทกแตกย่อยลอยลมพา          ต้องบาทาตถาคตที่จรดเดิน
พระโลหิตห้อพลันมิทันตก                   เหล่าสาวกแลหาบนผาเผิน
เห็นพระเทวทัตยืนบทพื้นเนิน               ชะโงกเถินเถรจ้องมองลงมา
จึงทราบว่าเทวทัตเธองัดหิน                 ให้ทับดินตกชายที่หมายฆ่า
บุรษชายหมายพิฆาตคือศาสดา            มองลงมาเห็นชัดถนัดใจ
จึงพูดกันบรรดาพระสาวก                     ปลงไม่ตกในจิตว่าคิดไฉน
จึงทูลถามศาสดาว่าอยางไร                 เขาจึงได้คิดร้ายถึงตายเป็น
พระพุทธองค์ตรัสว่าตถาคต                  มีกำหนดดับขันธ์ให้ท่านเห็น
ตถาคตดับขันธ์ในวันเพ็ญ                     จะดับเย็นดับสบายง่ายดายดี
เราไม่ตายเพราะว่าพยายาม                 ใครจะตามฆ่าตายมิใช่ที่
เทวทัตตามฆ่าในครานี้                          จะตกใต้อเวจีหมื่นปีไป
เทวทัตตามผลาญประหารเรา               แต่ปางเก่าชาติก่อนย้อนไปได้
เทวทัตเป็นบิดาชราวัย                         อันมีใจโหดหาญเป็นพาลชน
เกิดเป็นพ่อเลี้ยงเราเมื่อเฒ่าแก่            สามีแม่เราน้ันในชั้นต้น
รังเกียจเราเป็นก้างนอนขวางตน           จึงออกกลอุบายทำร้ายเรา
แต่ฆ่าเราไม่ตายวายชีวิต                      จึงผูกจิตเคียดแค้นมาแสนเก่า
เพราะผูกเวรเราอยุ่อย่าดูเบา                จนตราบเท่าถึงชาติปัจจุบัน
เรื่องพระเทวทัตอุบัติมา                        คู่เวราพยาบาททุกชาตินั่น
คือวัฎสงสารช้านานครัน                        อันสัตว์น้ันเกิดตายว่ายเวียนวน
ไม่รุู้จักสิ้นสุดไม่หยุดหย่อน                   ทรงส่ั่งสอนกรรมวัฎฎ์วิบัติผล
กรรมข้ามภพข้ามชาติประหลาดล้น       แรงกรรมคนทำไว้ย่อมได้รับ
เกิดแล้วตายว่ายวนรับผลกรรม              กรรมชาติก่อนซ้อนซ้ำตามลำดับ
ได้รับในชาตินี้ดูลี้ลับ                              ถึงล่วงดับขันธ์ธาตุในชาตินี้
มีแรงกรรมตามติดชีวิตใหม่                    ตามไปในชาติหน้าไม่ล่าหนี
เพราะผลกรรมทำไว้ในชีวี                      เหมือนเงาที่ตามตนทุกคนไป
เหมือนกงกรรมกงเกวียนที่เวียนผัน        ตามรอยเท้าโคนั้นหาหยุดไม่
เมื่อโคหยุดสัญจรในตอนใด                   เกวียนจึงได้หยุดลงซึ่งกงกรรม
ใครไม่เชื่อชาติก่อนที่ย้อนหลัง               เพราะใจยังโง่เชลาเหมือนเข้าถ้ำ
ใครไม่เชื่อชาติหน้าอย่าจดจำ                 ถึงใหญ่ล้ำยศถาชั้นอาจารย์
ผู่น้ันใจมืดบอดตลอดชาติ                      จะก้าวพลาดเห็นผิดวิตถาร
เป็นมิจฉาทิฎฐิชนอนธกาล                     ห้ามสวรรค์นิพพานช้านานมา
เรื่องนี้ไม่นิพนธ์เป็นมนต์สมัย                  ในบทชัยมงคละคาถา
เพราะจะเกินเก้าบทพจนา                        ท่านถือว่าไม่ขลังดุุจดังใจ ฯ  (๕๔ คำ )

                                                                             ๒๖  ธันวาคม ๒๕๓๒ 

                                                                

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

๑๑ นิทานเรื่อง ช้างนาฬาคีรี


๑๑ นิทาน
เรื่อง ช้างนาฬาคีรี

     ๐ มีนิทานนานสุดคร้ังพุทธกาล         เป็นนิทานสัจจริงที่สิ่งสรรพ์
เมื่อเจ้าชายเทวทัตกษัตริย์สำคัญ          อันเป็นชั่้นพี่ภรรยาตถาคต
เข้ามาบวชในพระศาสนา                       พร้อมเจ้าชายฝ่ายหน้านามปรากฎ
อนุรุทธเลิศล้ำกระทำพรต                      อานนท์ยศลือชาโสดาบัน
เทวทัตชำนาญชาญโลกีย์                     มีฤทธีเหาะเหินเดินสวรรค์
อยากเป็นใหญ่ในสงฆ์เป็นสำคัญ           คบคิดกันกับกษัตริย์ชาตศัตรู
เอานายขมังธนูผุ้แม่นปืน                       เข้ามายืนยิงหมดก็อดสู
เข้ามากราบราบดินสิ้นประตุ                  แพ้พระผู้มีพระภาคไม่อยากคบ
แต่ไม่ละความเพียรเวียนไปหา             เอาช้างงาเหยียบเล่นให้เป็นศพ
ไปจ้างควาญช้างองค์พระทรงภพ         เข้าประจบเข้าจ้างควาญช้างทรง
ให้กรอกเหล้าเมามายต้ังหลายไห        ปล่อยช้างใหญ่แล่นตามความประสงค์
ในตอนเช้าอรุณเรื่อเมื่อพระองค์           เสด็จทรงโปรดสัตว์เป็นอัตตา
พระพุทธองค์ทรงทราบแผนหยาบร้าย  ทรงมั่นหมายโปรดสัตว์มีวาสนา
จึงเสด็จบิณฑบาตเดินยาตรา                เดินนำหน้าสาวกมิตกใจ
นาฬาคีรีกินเหล้าจนเมามาย                  จนตาลายแล่นมาหาช้าไม่
จะเข้าแทงพระองค์ผุ้ทรง                      จนใครใครเห็นร้องเสียงก้องดัง
พระอานนท์วิ่งวางออกขวางหน้า           ยอมถวายชีวาเหมือนดังหวัง
พระพุทธองค์ทรงคว้ากาสารั้ง               เอาองค์บังขวางหน้าพระอานนท์  
นาฬาคีรีแล่นรี่ปรี่เข้าหา                         พระตถาคตหยุดวิมุตติผล
นาฬาคีรีก็หยุดลงทรุดตน                      น้อมประณตพระทศพลด้วยงวงงา
พระตถาคตต้องตระพองช้าง                 จับงวงพลางด้วยหัตถ์แล้วตรัสว่า
เจ้าเป็นสัตว์แสนโง่เติบโตมา                 ยังจะฆ่าอรหันต์อนันตกรรม
เจ้าเลื่อมใสศรัทธาตถาคต                     คุกเข่าลดงวงงาลงมาต่ำ
จะสิ้นชาติเดรัจฉานผ่านบาปกรรม          บุญจะนำส่งเกิดกำเนิดตน
จะเวียนเกิดเวียนตายอีกหลายชาติ        ได้พบศาสนาพุุทธวิสุทธิผล
ชาติสุดท้ายได้พบพระทศพล                 จะหลุดพ้นเป็นพระโพธิญาณ
ตรัสจบตบตระพองช้างร้องไห้                เอางวงจับบาทไว้สุดไขขาน
ใจจงรักพระพุทธสุดประมาณ                  ส่งเสียงร้องก้องบ้านสะท้านเมือง
ฝูงชนมาทัศนาพระยาช้าง                       ที่ร้องครางศรัทธาในผ้าเหลือง
เอากล้วยอ้อยเงินตรามาเนืองเนือง         ไม่กลัวเปลืองบูชาพระยาช้าง
จึงเรียกช้างธนบาลในกาลน้ัน                  ครั้นดับขันธ์ด้วยบุญที่หนุนสร้าง
ได้เวียนเกิดเวียนตายมาหลายปาง          มาเกิดทางกรุงศรีอยุธยา
ได้เป็นพันท้ายเรือเจ้าเหนือหัว                ถวายตัวเที่ยวเฟื้่องตามเมืองท่า
ตามเสด็จชมนกและตกปลา                    จนถึงสาครบุรีที่สำคัญ
ถึงโคกขามคลองขดแสนลดเลี้ยว           คัดท้ายเคี้ยวคดไปมิได้พรั่น
จนถึงคุ้งคดเคี้ยวเลี้่ยวไม่ทัน                   โขนเรือนั้นชนตะเคียนจนเศียรพัง
เศียรหงส์หักปักเฉนียนตะเคียนใหญ่       โขนหักไปเรือจอดเข้าทอดฝั่ง
พันท้ายผู้ภักดีสุดชีวัง                              โดดขึ้นยังฝั่งน้ำกระทำการ
กราบถวายบังคมบรมกษัตริย์                   จงโปรดตัดเศียรเกล้าเข้าประหาร
ตามกำหนดบทพระอัยการ                       ผู้อยู่งานถือท้ายนายนาวา
หากประมาทพลาดพลั้งโดยต้ังใจ            กระทำให้เรือที่น่ั่งชนฝั่งฝา
โขนเรือหักปักหล่นบนสุธา                       ท่านให้ฆ่านายท้ายให้วายปราณ
ให้เอาโขนเรือองค์พระทรงศักดิ์               ขึ้นมาปักบนฝั่งแล้วต้ังศาล
เอาหัวนายท้ายเรือเซ่นจีงเป็นการ            ตามโบราณประเพณีอันมีมา
ฝ่ายพระพุทธเจ้าเสือเหลือสงสาร             พระโปรดปรานนายท้ายชายใจกล้า
ตรัสสั่งให้ปั้นดินถิ่นธารา                           แทนกายานายท้ายเท่ากายคน
ตรัสสั่งให้เพชฌฆาตฉกาจกล้า                 ตัดเกศานายท้ายฝ่ายเรือต้น
เพชฌฆาตฟาดฟันในบัดดล                      หัวก็หล่นลงดินดั่งสิ้นใจ
แต่นายท้ายนรสิงห์หมอบนิ่งอยุ่                ไม่ลงสู่เรือทรงพระองค์ใหม่
กราบทุลว่านายท้ายไม่ตายไป                  โปรดฆ่าให้นายท้ายตายจริงจริง
พระเจ้าเสือตรัสว่ากูฆ่าแล้ว                        หัวหล่นแผล็วนั่นคือชื่อไอ้สิงห์
มึงเร่งลงเรือมาอย่าประวิง                          เดี๋ยวกุทิ้งมึงไว้ในไพรวัน
พันท้ายว่่าโปรดรักษาประเพณี                   อันเคยมีแต่กาลโบราณนั่น
อันชีวิตข้าไซร้ไม่สำคัญ                             ขอจงบั่นเกศาข้าพระองค์
ขอถวายชีพไว้ใต้พระบาท                          เพื่อพระราชกฤษดาอันสูงส่ง
เพื่อนายท้ายภายหลังตั้งใจจง                    จะซื่อตรงจงรักและภักดี
พระเจ้าเสือจึงสั่งให้ตั้งศาล                        ให้ประหารนรสิงห์รักศักดิ์ศรี
เอาหัวโขนหัวคนขึืนบัดพลี                         แก่เจ้าที่เจ้าทางนางตะเคียน ฯ
เรื่องนี้ท่านนิพนธ์เป็นมนตรา                       เป็นคาถาชัยมงคลนิพนธ์เขียน
เป็นมนตราธิษฐานนานจำเนียร                   ให้เราเพียรภาวนาสาธยาย
อ้างเอาพระพุทธคุณมาหนุนจิต                   เพื่อพิชิตชนะพาลมารทั้งหลาย
เรียกพาหุงแปดบทบรรยาย                         ภยันตรายผ่านพ้นด้วยมนตรา ฯ (๖๒ คำ)

                                                                                  ๒๖ ธันวาคม ๒๕๓๓


                    
(โปรดติดตามตอนต่อไป)

วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558

๑๐. นิทานเรื่องนกแขกเต้าโพธิสัตว์

   
๑๐ นิทาน
เรื่อง นกแขกเต้าโพธิสัตว์

     ๐ มีนิทานชาดกท่านยกมา              พระศาสดาทรงเล่าแก่เหล่าสงฆ์
ว่าครั้งหนึ่งนานสุดพระพุทธองค์          เกิดในวงศ์วิหคเป็นนกไพร
เรียกว่า นกแขกเต้า อยู่เขาเขิน            เที่ยวบินเหินหาธัญญาในนาไร่
เป็นหัวหน้านกร้อยนับร้อยไป              ไปหากินถิ่นไกลจากรวงรัง
เข้าออกบินนำหน้าพาวิหค                   ออกบินผกโผผินถวิลหวัง
พอหายหิวโหยดีมีกำลัง                       พอสายัณห์หันหลังกลับรังนอน
แต่ตัวขุนวิหคเป็นนกรู้                          มีลูกอยู่ในรังนั้นยังอ่อน
มีพ่อแม่แม่ชราจึงอาทร                       ไม่บินจรปากเปล่าเหมือนชาวนก
ยังคาบข้าวสามรวงเป็นพวงห้อย          แล้วบินลอยนำหน้าบรรดาวิหค
เจ้าของนาว่าแขกเต้านี่เจ้างก               กินแล้วฉกเอารวงข้าวเอาไปกิน
จึงร้องด่าว่านกวิหคชั่ว                          เห็นแก่ตัวเจ้าอยู่มิรู้สิ้น
มากินข้าวในนาเป็นอาจิณ                    แล้วยังบินคาบข้าวของเราไป
นกแขกเต้าร้องตอบให้ชอบจิต             เป็นภาษิตสำนวนที่ควรใคร่
ว่าเม็ดข้าวเรากินจนสิ้นไป                    เหมือนเทใส่เหวมาเป็นอาจิณ
อีกรวงหนึ่งที่เราคาบเอาไป                  เพื่อส่งใช้เขาที่เป็นหนี้สิน
อีกรวงหนึ่งฝังไว้ที่ในดิน                       เอาไว้กินชาติหน้าอนาคต
อีกรวงหนึ่งให้กู้แก่ผู้อื่้น                         ที่เขายื่นมือยืมเมื่อยามอด
เมื่อเขามีหมื่นแสนคงแทนทด               เขาคงชดใช้หนี้ที่ยืมไป
คือใช้หนี้พ่อแม่ที่แก่เฒ่า                       เคยเลี้ยงเรานานโขจนโตใหญ่
ฝังดินคือบุญทานหว่านเอาไว้                คงขุดได้ต้นทุนการบุญทาน
ให้กู้คือให้บุตรสุดสวาท                         ที่ยังขาดทุนปักเป็นหลักฐาน
ต้องให้กู้ยืมพลันมิทันนาน                     เพื่อบุตรหลานมีกำลังขึ้นตั้งตัว
นกแขกเต้าเป็นโพธิสัตว์อุบัติมา            เป็นตถาคตตรัสสอนสัตว์ทั่ว
สอนให้หาทรัพย์ชอบในครอบครัว         กินไปชั่วชีวิตคิดให้ดี
ส่วนหนึ่งกินสิ้นไปเหมือนใส่เหว            เหมือนน้ำเหลวละลายกลายเป็นขี้
ส่วนหนึ่งตอบแทนบุพการี                     ผู้ให้ชีวิตตูเลี้ยงดูมา
เรียกว่าเงินใช้หนี้เป็นที่ชอบ                  เราต้องตอบแทนคุณบุญหนักหนา
ให้กู้คือเลี้ยงดูบุตรภรรยา                      ถือเป็นหน้าที่ด้วยช่วยชักนำ
ช่วยคนอดคนอยากคนยากไร้               เหมือนฝังไว้ในดินในถิ่นถ้ำ
ย่อมขุดพบทรัพย์เก่าที่เราทำ               ไม่จมน้ำหายไปคงได้คืน ฯ (๓๐ คำ)

           
                                                                     ๒๕ ธันวาคม ๒๕๓๒


----------------------------------------------------------------------------------------
* นกแขกเต้าพูดได้ คือทราบจากทศพลญาณ ถึงเจโตปริยญาณ
 ทราบความคิดของสัตว์ ไม่ใช่สัตว์พูดเอง


วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2558

๙. นิทานเรื่อง นายขมังธนูเข้าสู่วัด


๙. นิทานเรื่อง 
นายขมังธนูเข้าสู่วัด

     ๐มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล           เป็นนิทานเรื่องจริงอันยิ่งใหญ่
เมื่อพระทศพลญาณสำราญพระทัย        ประทับใจในพระนิเวศเชตุพน
ซึ่งสุทัตเศรษฐีอันมีชื่อ                            จนเลื่องลือในทางสร้างกุศล
ได้สร้างพระอารามอันงามล้น                  ถวายพระทศพลทรงพำนัก
คร้ังนั้นเจ้าเทวทัตกษัตริย์เขลา                มาบวชเข้าเป็นสงฆ์อันทรงศักดิ์
โดยพระญาติวงศ์ทรงชวนชัก                  จึงสมัครบวชมั่งในคร้ังนั้น
จนสำเร็จฌานกล้าสมาบัติ                       ลอยเลาะลัดไปได้ในไพรสัณฑ์
เล่นแต่ฌานโลกีย์ทุกวี่วัน                        โสดาบันปัตติผลไม่สนใจ
เห็นเจ้าชายสิทธัตถะพระอาจารย์            มีลาภทานมากจริงแสนยิ่งใหญ่
ประชาชนนับถือเลื่องลือไกล                   เศรษฐีในกรุงมาสักการะ
ทั้งพระเจ้าแผ่นดินถิ่นสถาน                     มากราบกรานบาทาสาธุสะ
พระเทวทัตกษัตรามีมานะ                       เราก็พระเชื้อชาติกษัตรา
เราจึงควรเป็นใหญ่ในฝ่ายสงฆ์                ขึ้นแทนองค์ชินสีห์มีชื่อหน้า
จึงคิดร้ายหมายผลาญพระศาสดา           เข้าคบหาอุปราชอชาตศัตรู
ยุให้เจ้าฟ้าชายหมายพิฆาต                    ชีวิตราชบิดาอย่าให้อยุ่
เพราะบิดาวัยชราไม่น่าดู                         บัลลังก์คู่คนหนุ่มขึ้นคุมพลูง
พระบิดาอายุยืนขืนรอช้า                          จนพลาดท่าทางเห็นไม่เป็นผล
พระราชบิดาก็ชราเข้าตาจน                     จะมีคนอื่นแย่งเข้าแข่งบุญ
เมื่อพระองค์เป็นใหญ่ในพารา                  เราจะฆ่าศาสดาสิทธาหุ่น
ขึ้นเป็นใหญ่ฝ่ายสงฆ์ดำรงคุณ                 ต่างอุดหนุนจุนเจือช่วยหลือกัน
เราเป็นใหญ่ฝ่ายสงฆ์พระองค์เล่า            ได้เป็นเจ้่าจักรพรรดิ์กษัตริย์สวรรค์
จะมีชื่อลือเลื่องรุ่งเรืองครัน                      ไพร่พลน้ันทั้งผองเป็นของเรา
เราจะทำอะไรใครจะห้าม                          ก็ทำตามใจตูทุกหมู่่เหล่า
จงทำตามคำข้าอย่าดูเบา                         ใจพระเจ้าอชาตศัตรูก็ลู่ลม
พระเทวทัตตรัสว่าข้าขอพึ่ง                       สักนิดหนึ่งนึกไว้ขอให้สม
ขอทหารขมังธนูผู้อบรม                            คนนิยมยอยกสิบหกคน
เจ้าอชาตศัตรูผู้โง่เขลา                             ว่าท่านเอาไปใช้คงได้ผล
แต่เอาไปหลายหลากดูมากล้น                 เหมือนใช้พลขึ่ช้างจับกวางไพร
จะฆ่าคนหัวโล้นที่โกนผม                          พระสมณะโคดมในดงใหญ่
ขมังธนุคนเดียวเดินเดี่ยวไป                      ก็ฆ่าได้โดยง่ายวายชีวา
พระเทวทัตตอบว่าการฆ่าคน                     ที่ฝูงชนแวดล้อมอยู่พร้อมหน้า
ต้องวางแผนหลายชั้นวันเวลา                   ต้องลวงตาคนผู้ไม่รู้กล
อชาตศัตรูถามว่าพระอาจารย์                    วางแผนการอันใดจึงได้ผล
พระเทวทัตตอบว่าคนน่ายล                      พระทศพลม้วยมอดเราปลอดภัย
ให้คนหนึ่งเข้าไปในอาวาส                        ยิงพิฆาตผิดนักไม่ตักษัย
คนที่สองยิงซ้ำทำทันใด                            ถ้าหากไม่ถูกองค์ตรงสำคัญ
คนที่สามยิงซ้ำทำทันที                              ถ้าคราวนี้ชีวาไม่อาสัญ
คนที่สี่ยิงซ้ำทำทันควัน                              ต้องป้องกันผิดพลาดมันอาจมี
คนที่ห้ายิงซ้ำกระหน่ำอีก                           ถ้าหลบหลีกซ้อนเร้นไม่เป็นผี
คนที่หกยิงพลันไปทันที                             ถ้าคราวนี้ไมตายวายชีวิต
คนที่เจ็ดยิงซ้ำกระหน่ำ่ร่าง                         ไ่ม่วายวางชีวาตม์ถ้าพลาดผิด
คนที่แปดระดมคงสมคิด                             คงสิ้นฤทธิ์เหมือนแรดยิงแปดที
อีกแปดคนรออยู่ประตูนอก                         คนไหนออกมาสู่ประตูผี
ให้แปดคนประหารผลาญชีวี                       คนร้ายที่ปลงชีวิตพระสิทธา
แล้วประกาศให้ชนคนทั้งหลาย                   ว่าคนร้ายทำบาปหยาบนักหนา
บังอาจปลงชีวาตม์พระศาสดา                    จึงดักฆ่าตายสิ้นมลทินแล้ว
ประกาศแก่บรรดาเถราทั้ว                           ว่าได้ตัวคนร้ายเหมือนได้แก้ว
ถูกล้างผลาญชีวีไม่วี่แวว                             เราผ่องแผ้วหลุดพ้นซึ่งมลทิน
เจ้าอชาตศัตรูผู้โง่เขลา                               จึงสั่งเอานายทหารชำนาญศิลป์
เคยขมังธนูมาเป็นอาจิณ                             ให้ทราบสิ้นแผนการชำนาญยุทธ
แปดคนแรกเข้าไปในอาวาส                        มุุ่งพิฆาตศาสดามหาอุุตม์
เห็นพระสงฆ์แวดล้อมจอมมนุษย์                 ก็ยินหยุดตกประหม่าไมกล้ายิง
ยืนเหมือนตุ๊กตาตาปริบปริบ                         ไม่กล้าหยิบสายธนุยืนอยู่นิ่ง
พระศาสดาเนตรจ้องมองประวิง                    จนเขาทิ้งตัวกราบลงราบดิน
นายขมังธนูยืนอยู่ประตูรั้ว                             เห็นเพื่อนตัวลับกายหายไปสิ้น
ไม่่กลับมาสงสัยในใจจินต์                            เหมือนนกบินหายลับไปกับตา
จึงชวนกันเดินตามไปถามทัก                       ก็ประจักษ์ในจิตปริศนา
พอประสบพบพักตร์พระศาสดา                    ก็ประหม่าจิตอึ้งตะลึงงัน
พากันก้มล้มราบลงกราบหมด                      น้อมประณตฟังคำพระธรรมขันธ์
จนบรรลุธรรโมโสดาบัน                               โดยทั่วกันอุบาสกสิบหกคน ฯ

                                       **********
เรื่องนี้ไม่นิพนธ์เป็นมนตรา                      ชัยมงคลคาถาน่าฉงน
ในพาหุุงแปดบทพจน์นิพนธ์                    ชั่งตกหล่นเรื่องอันสำคัญไป
คืออิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์บันดาลฤทธิ์          สะกดจิตนั้นให้หวั่นไหว
จนหยุดคิดชั่วร้ายละอายใจ                      เกิดรักใคร่เมตตาประหม่ากลัว
ฟังพระธรรมคำสอนสะท้อนจิต                 แล้วกลับคิดเลื่อมใสอยู่ในหัว
บรรลุุธรรมตามวาสนาชะตาตัว                 มีอยุุ่ทั่วไปในสมัยนั้น
เพราะจะเกินเก้าบทพจน์คาถา                 เป็นมนตราไร้ผลมงคลขวัญ
เรื่องนายขมังธนุแม่นแสนสำคัญ              ไมประพันธ์นิพนธ์เป็นมนตรา ฯ  (๖๘ คำ)
                                    
                                                                    ๒๔ ธันวาคม ๒๕๓๒  

 (โปรดติดตามตอนต่อไป)                 

วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

๘. นิทานเรื่อง นางสุนทรีถูกฆ่า




๘. นิทานเรื่อง

นางสุนทรีถูกฆ่า

     ๐มีนิทานนานสุดคร้ังพุทธกาล        เป็นนิทานสัจจริงทุกสิ่งสรรพ์
เมื่อพระองค์พระพุทธะภควัน               ยังสุขสันต์ ณ พระคันธกุฎี
พระเชตุพนารามอร่ามเรือง                  ด้วยผ้าเหลืองงดงามอร่ามศรี
ท่านเศรษฐีใหญ่สร้างไว้อย่างดี           จนเดียร์ถีย์อิจฉาตถาคต
พระพุทธเจ้าพุ่งโพลงชื่อโด่งดัง           จนกระทั่งเดียร์ถีย์ถึงทีอด
จึงหาทางคิดร้ายทำลายพรต               ให้เสื่อมลดยศถาสักการะ
ให้สาวกไปหลอกบอกสุนทรี                ซึ่งเป็นนางโสเภณีศรีสวยสะ
ให้ไปเฝ้าพระพุทธองค์ทรงเป็นพระ     สอนธรรมะพริ้งเพราะเสนาะใจ
ให้หมั่นมาหมั่นไปมิได้เว้น                   ทั้งเช้าเย็นไปฟังเข้านั่งใกล้
แล้วจ้างคนฆ่านางในกลางไพร            เอาศพไปฝังไว้วัดเชตุพน
ให้คนเข้าไปฟ้องร้องเรียนว่า               พระตถาคตคิดจิตอกุศล
เป็นชู้นางสุนทรีนิรมล                          ได้เสียจนปรากฎหมดระดู
จึงฆ่านางปิดปากไม่อยากรับ               ปิดความลับลึกลับเงียบงำอยู่
นางสุนทรีเงียบหายใครไม่รู้                ไปค้นดูในเขตพระเชตุพน
พระเจ้าพิมพิสารรำคาญจิต                  ประกาศิตสั่งหาทุกแห่งหน
ขุดศพได้ในวัดขึ้นบัดดล                      จนผู้คนแตกฮีอเลื่องลือไกล
ลือว่าพระตถาคตเล่นลดเลี้ยว              เข้าข้องเกี่ยวหญิงงามเกิดความใหญ่
แต่องค์พระทศพลไม่สนใจ                  ไม่หวั่นไหวข่าวคราาวที่เล่าลือ
พระเจ้าพิมพิสารรำคาญเหลือ              จะทรงเชื่อข่าวร้ายไฉนหรือ
พระศาสดาคือใครที่ไหนรือ                  พระก็คือเจ้าชายดีร้ายนัก
ทรงทิ้งพระสาวสวรรค์กำนัลใน             ไม่อาลัยสาวศรีอันมีศักดิ์
กลับมาหลงโสเภณีนารีรัก                    ใครเล่าจักเชื่อถือคำลือชา
พระจึงให้สืบหาบรรดาชาย                   ที่ทำร้ายโสเภณีอันมีหน้า
เอาศพไปฝังไว้ในวัดวา                        เจตนาทรยศพระทศพล
ส่งนักสืบคืบคลานเที่ยวควานหา          จนพบนักเลงสุราริมถนน
มันคุยเขื่องเรื่องฆ่านางหน้ามน             หักคอจนมรณาชีวาลัย
ได้เงินมาค่าเหล้าเท่าทุกวัน                 ได้แบ่งกันค่าเหล้าไม่เท่าไหร่
นักสืบจึงจับตัวคนชั่วไป                       ให้เล่าไขความลับกับราชา
พระเจ้าพิมพิสารทราบการลับ              จึงให้จับเดียร์ถีย์ที่ในป่า
บำเพ็ญพรตเป็นฤาษีพระชีบา               ที่จ้างฆ่าสุนทรีนารีงาม
ให้ประหารชีวิตนักสิทธิ์บาป                  ประกาศให้คนทราบเรื่องหยาบหยาม
ทำลายพระศาสดาพยายาม                  จะใส่ความร้ายสุดพระพุทธองค์
ให้พระเจ้าพิมพิสารประหารชีวิต           พระศาสดาว่าผิดเป็นผุยผง
ฐานที่ฆ่านางโลมผู้โฉมยง                    เรื่องก็คงจะสมอารมณ์คิด
ตนกลับถูกฆ่าตายวอดวายหมด            ตถาคตทศพลก็พ้นผิด
พระสาวกชื่นชมนิยมฤทธิ์                      พระจอมสิทธาจารย์สำราญใจ

เรื่องนี้ไม่ปรากฎบทนิพนธ์                    ชัยมงคลคาถาน่าสงสัย
มนต์พาหุงแปดบทไม่จดไว้                  จึงขาดไปในธรรมอันสำคัญ
สมเด็จพระวันรัตท่านตัดไป                  ไม่ใส่ในพาหุงสหัสนั่น
ทรงปราบนางแพศยาผู้อาธรรม์            จงถึงขั่นถูกฆ่าชีวาวาย
เพราะจะเกิดเก้าบทพจน์คาถา              จะลดค่าศักดิ์สิทธิ์นิมิตหมาย
ไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่าเก้าจะกลับกลาย          จึงขาดหายสุนทรีบาลีเดิม ฯ (๔๒ คำ)
                                                               
                                                                    ๒๔  ธันวาคม ๒๕๓๒

----------------------------------------------------------------------------------------------
คาถาพุทธชัยมงคลคาถาต้องการให้มี ๙ บท  เพื่อศักดิ์สิทธิ์จึงไม่แต่งคาถา เรื่องนางสุนทรีไว้ในคาถาพระบาลีให้เป็น ๑๐ คาถา  จะไม่เป็นมงคลคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ ผิดคติธรรมเรื่องมงคล ๙