๑๒. นิทาน
เรื่อง โลหิตุบาท
๐ มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งสรรพ์
ปางเมื่อพระพุทธะภควัน ยังทรงขันธ์เป็นพระศาสดา
เมื่อเจ้าชายเทวทัตกษัตริย์ชาติ เป็นพระญาติอันสนิทใจอิจฉา
ให้พระองค์เป็นพระอุปัชฌาชย์ เมื่อเข้ามาบรรพชาเป็นสาวก
เจ้าชายอื่นพื้นญาติมีวาสนา ลุโสดาอรหันต์กันดื่นดก
พระเทวทัตได้ฌาณชำนาญยก เหาะเหมือนนกเหยี่ยวใหญ่บินไปมา
อยากเป็นใหญ่ในบรรดาพระสาวก เพื่อจะยกตัวเด่นเป็นหัวหน้า
อยากจะเป็นทายาทพระศาสดา จึงคิดฆ่าองค์พระภควัน
จ้างเอานายขมังธนูผู้สามารถ มาพิฆาตศาสดาให้อาสัญ
กลับล้มเหลวเลวจริงทุกสิ่งอัน โสดาบันใจอ่อนทิ้งศรไป
เอาช้างตกมันมาให้เข้าแทง ก็สิ้นแรงหมอบเหมือนไม่เคลื่อนไหว
อันฌานพระศาสดากล้ากระไร ไม่มีใครจะกล้าเข้าฆ่าฟัน
เราต้องลงมือเองจึงเก่งกว่า ต้องจองเวรเข่นฆ่าให้อาสัญ
ขืนทิ้งไว้กำเริบเสิบสานพลัน ไม่มีวันที่เราจะเข้าแทน
คอยสืบดูรู้ว่าตถาคต มีกำหนดเดินทางจึงวางแผน
กลิ้งหินทับทันทีให้บี้แบน จึงสมแค้นสมจิตรที่คิดการ
วันนั้นพระพุุทธองค์ผู้ทรงพรต มีกำหนดเดินไปเข้าไพรสาณฑ์
กระทำพรตในพงดงกันดาร จะต้องผ่านเขาแร้งตามแพร่งไพร
จึงขึ้นเขาคิชฌกูฎหน้าบูดบึ้ง คอยจ้องซึ่งพระศาสดาจะมาใกล้
พอดำเนินผ่านพลันในทันใด ผลักหินใหญ่ให้เขยื่อนเลื่อนลงมา
หินกระทบแง่ศิลาที่ดารดาษ ตามไหล่ลาดข้างทางที่ขวางหน้า
หินกระแทกแตกย่อยลอยลมพา ต้องบาทาตถาคตที่จรดเดิน
พระโลหิตห้อพลันมิทันตก เหล่าสาวกแลหาบนผาเผิน
เห็นพระเทวทัตยืนบทพื้นเนิน ชะโงกเถินเถรจ้องมองลงมา
จึงทราบว่าเทวทัตเธองัดหิน ให้ทับดินตกชายที่หมายฆ่า
บุรษชายหมายพิฆาตคือศาสดา มองลงมาเห็นชัดถนัดใจ
จึงพูดกันบรรดาพระสาวก ปลงไม่ตกในจิตว่าคิดไฉน
จึงทูลถามศาสดาว่าอยางไร เขาจึงได้คิดร้ายถึงตายเป็น
พระพุทธองค์ตรัสว่าตถาคต มีกำหนดดับขันธ์ให้ท่านเห็น
ตถาคตดับขันธ์ในวันเพ็ญ จะดับเย็นดับสบายง่ายดายดี
เราไม่ตายเพราะว่าพยายาม ใครจะตามฆ่าตายมิใช่ที่
เทวทัตตามฆ่าในครานี้ จะตกใต้อเวจีหมื่นปีไป
เทวทัตตามผลาญประหารเรา แต่ปางเก่าชาติก่อนย้อนไปได้
เทวทัตเป็นบิดาชราวัย อันมีใจโหดหาญเป็นพาลชน
เกิดเป็นพ่อเลี้ยงเราเมื่อเฒ่าแก่ สามีแม่เราน้ันในชั้นต้น
รังเกียจเราเป็นก้างนอนขวางตน จึงออกกลอุบายทำร้ายเรา
แต่ฆ่าเราไม่ตายวายชีวิต จึงผูกจิตเคียดแค้นมาแสนเก่า
เพราะผูกเวรเราอยุ่อย่าดูเบา จนตราบเท่าถึงชาติปัจจุบัน
เรื่องพระเทวทัตอุบัติมา คู่เวราพยาบาททุกชาตินั่น
คือวัฎสงสารช้านานครัน อันสัตว์น้ันเกิดตายว่ายเวียนวน
ไม่รุู้จักสิ้นสุดไม่หยุดหย่อน ทรงส่ั่งสอนกรรมวัฎฎ์วิบัติผล
กรรมข้ามภพข้ามชาติประหลาดล้น แรงกรรมคนทำไว้ย่อมได้รับ
เกิดแล้วตายว่ายวนรับผลกรรม กรรมชาติก่อนซ้อนซ้ำตามลำดับ
ได้รับในชาตินี้ดูลี้ลับ ถึงล่วงดับขันธ์ธาตุในชาตินี้
มีแรงกรรมตามติดชีวิตใหม่ ตามไปในชาติหน้าไม่ล่าหนี
เพราะผลกรรมทำไว้ในชีวี เหมือนเงาที่ตามตนทุกคนไป
เหมือนกงกรรมกงเกวียนที่เวียนผัน ตามรอยเท้าโคนั้นหาหยุดไม่
เมื่อโคหยุดสัญจรในตอนใด เกวียนจึงได้หยุดลงซึ่งกงกรรม
ใครไม่เชื่อชาติก่อนที่ย้อนหลัง เพราะใจยังโง่เชลาเหมือนเข้าถ้ำ
ใครไม่เชื่อชาติหน้าอย่าจดจำ ถึงใหญ่ล้ำยศถาชั้นอาจารย์
ผู่น้ันใจมืดบอดตลอดชาติ จะก้าวพลาดเห็นผิดวิตถาร
เป็นมิจฉาทิฎฐิชนอนธกาล ห้ามสวรรค์นิพพานช้านานมา
เรื่องนี้ไม่นิพนธ์เป็นมนต์สมัย ในบทชัยมงคละคาถา
เพราะจะเกินเก้าบทพจนา ท่านถือว่าไม่ขลังดุุจดังใจ ฯ (๕๔ คำ )
๒๖ ธันวาคม ๒๕๓๒
เมื่อโคหยุดสัญจรในตอนใด เกวียนจึงได้หยุดลงซึ่งกงกรรม
ใครไม่เชื่อชาติก่อนที่ย้อนหลัง เพราะใจยังโง่เชลาเหมือนเข้าถ้ำ
ใครไม่เชื่อชาติหน้าอย่าจดจำ ถึงใหญ่ล้ำยศถาชั้นอาจารย์
ผู่น้ันใจมืดบอดตลอดชาติ จะก้าวพลาดเห็นผิดวิตถาร
เป็นมิจฉาทิฎฐิชนอนธกาล ห้ามสวรรค์นิพพานช้านานมา
เรื่องนี้ไม่นิพนธ์เป็นมนต์สมัย ในบทชัยมงคละคาถา
เพราะจะเกินเก้าบทพจนา ท่านถือว่าไม่ขลังดุุจดังใจ ฯ (๕๔ คำ )
๒๖ ธันวาคม ๒๕๓๒