๙. นิทานเรื่อง
นายขมังธนูเข้าสู่วัด
๐มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล เป็นนิทานเรื่องจริงอันยิ่งใหญ่
เมื่อพระทศพลญาณสำราญพระทัย ประทับใจในพระนิเวศเชตุพน
ซึ่งสุทัตเศรษฐีอันมีชื่อ จนเลื่องลือในทางสร้างกุศล
ได้สร้างพระอารามอันงามล้น ถวายพระทศพลทรงพำนัก
คร้ังนั้นเจ้าเทวทัตกษัตริย์เขลา มาบวชเข้าเป็นสงฆ์อันทรงศักดิ์
โดยพระญาติวงศ์ทรงชวนชัก จึงสมัครบวชมั่งในคร้ังนั้น
จนสำเร็จฌานกล้าสมาบัติ ลอยเลาะลัดไปได้ในไพรสัณฑ์
เล่นแต่ฌานโลกีย์ทุกวี่วัน โสดาบันปัตติผลไม่สนใจ
เห็นเจ้าชายสิทธัตถะพระอาจารย์ มีลาภทานมากจริงแสนยิ่งใหญ่
ประชาชนนับถือเลื่องลือไกล เศรษฐีในกรุงมาสักการะ
ทั้งพระเจ้าแผ่นดินถิ่นสถาน มากราบกรานบาทาสาธุสะ
ทั้งพระเจ้าแผ่นดินถิ่นสถาน มากราบกรานบาทาสาธุสะ
พระเทวทัตกษัตรามีมานะ เราก็พระเชื้อชาติกษัตรา
เราจึงควรเป็นใหญ่ในฝ่ายสงฆ์ ขึ้นแทนองค์ชินสีห์มีชื่อหน้า
จึงคิดร้ายหมายผลาญพระศาสดา เข้าคบหาอุปราชอชาตศัตรู
ยุให้เจ้าฟ้าชายหมายพิฆาต ชีวิตราชบิดาอย่าให้อยุ่
เพราะบิดาวัยชราไม่น่าดู บัลลังก์คู่คนหนุ่มขึ้นคุมพลูง
พระบิดาอายุยืนขืนรอช้า จนพลาดท่าทางเห็นไม่เป็นผล
พระราชบิดาก็ชราเข้าตาจน จะมีคนอื่นแย่งเข้าแข่งบุญ
เมื่อพระองค์เป็นใหญ่ในพารา เราจะฆ่าศาสดาสิทธาหุ่น
ขึ้นเป็นใหญ่ฝ่ายสงฆ์ดำรงคุณ ต่างอุดหนุนจุนเจือช่วยหลือกัน
เราเป็นใหญ่ฝ่ายสงฆ์พระองค์เล่า ได้เป็นเจ้่าจักรพรรดิ์กษัตริย์สวรรค์
จะมีชื่อลือเลื่องรุ่งเรืองครัน ไพร่พลน้ันทั้งผองเป็นของเรา
เราจะทำอะไรใครจะห้าม ก็ทำตามใจตูทุกหมู่่เหล่า
จงทำตามคำข้าอย่าดูเบา ใจพระเจ้าอชาตศัตรูก็ลู่ลม
พระเทวทัตตรัสว่าข้าขอพึ่ง สักนิดหนึ่งนึกไว้ขอให้สม
ขอทหารขมังธนูผู้อบรม คนนิยมยอยกสิบหกคน
เจ้าอชาตศัตรูผู้โง่เขลา ว่าท่านเอาไปใช้คงได้ผล
แต่เอาไปหลายหลากดูมากล้น เหมือนใช้พลขึ่ช้างจับกวางไพร
จะฆ่าคนหัวโล้นที่โกนผม พระสมณะโคดมในดงใหญ่
ขมังธนุคนเดียวเดินเดี่ยวไป ก็ฆ่าได้โดยง่ายวายชีวา
พระเทวทัตตอบว่าการฆ่าคน ที่ฝูงชนแวดล้อมอยู่พร้อมหน้า
ต้องวางแผนหลายชั้นวันเวลา ต้องลวงตาคนผู้ไม่รู้กล
อชาตศัตรูถามว่าพระอาจารย์ วางแผนการอันใดจึงได้ผล
พระเทวทัตตอบว่าคนน่ายล พระทศพลม้วยมอดเราปลอดภัย
ให้คนหนึ่งเข้าไปในอาวาส ยิงพิฆาตผิดนักไม่ตักษัย
คนที่สองยิงซ้ำทำทันใด ถ้าหากไม่ถูกองค์ตรงสำคัญ
คนที่สามยิงซ้ำทำทันที ถ้าคราวนี้ชีวาไม่อาสัญ
คนที่สี่ยิงซ้ำทำทันควัน ต้องป้องกันผิดพลาดมันอาจมี
คนที่ห้ายิงซ้ำกระหน่ำอีก ถ้าหลบหลีกซ้อนเร้นไม่เป็นผี
คนที่หกยิงพลันไปทันที ถ้าคราวนี้ไมตายวายชีวิต
คนที่เจ็ดยิงซ้ำกระหน่ำ่ร่าง ไ่ม่วายวางชีวาตม์ถ้าพลาดผิด
คนที่แปดระดมคงสมคิด คงสิ้นฤทธิ์เหมือนแรดยิงแปดที
อีกแปดคนรออยู่ประตูนอก คนไหนออกมาสู่ประตูผี
ให้แปดคนประหารผลาญชีวี คนร้ายที่ปลงชีวิตพระสิทธา
แล้วประกาศให้ชนคนทั้งหลาย ว่าคนร้ายทำบาปหยาบนักหนา
บังอาจปลงชีวาตม์พระศาสดา จึงดักฆ่าตายสิ้นมลทินแล้ว
ประกาศแก่บรรดาเถราทั้ว ว่าได้ตัวคนร้ายเหมือนได้แก้ว
ถูกล้างผลาญชีวีไม่วี่แวว เราผ่องแผ้วหลุดพ้นซึ่งมลทิน
เจ้าอชาตศัตรูผู้โง่เขลา จึงสั่งเอานายทหารชำนาญศิลป์
เคยขมังธนูมาเป็นอาจิณ ให้ทราบสิ้นแผนการชำนาญยุทธ
แปดคนแรกเข้าไปในอาวาส มุุ่งพิฆาตศาสดามหาอุุตม์
เห็นพระสงฆ์แวดล้อมจอมมนุษย์ ก็ยินหยุดตกประหม่าไมกล้ายิง
ยืนเหมือนตุ๊กตาตาปริบปริบ ไม่กล้าหยิบสายธนุยืนอยู่นิ่ง
พระศาสดาเนตรจ้องมองประวิง จนเขาทิ้งตัวกราบลงราบดิน
นายขมังธนูยืนอยู่ประตูรั้ว เห็นเพื่อนตัวลับกายหายไปสิ้น
ไม่่กลับมาสงสัยในใจจินต์ เหมือนนกบินหายลับไปกับตา
จึงชวนกันเดินตามไปถามทัก ก็ประจักษ์ในจิตปริศนา
พอประสบพบพักตร์พระศาสดา ก็ประหม่าจิตอึ้งตะลึงงัน
พากันก้มล้มราบลงกราบหมด น้อมประณตฟังคำพระธรรมขันธ์
จนบรรลุธรรโมโสดาบัน โดยทั่วกันอุบาสกสิบหกคน ฯ
พระเทวทัตตรัสว่าข้าขอพึ่ง สักนิดหนึ่งนึกไว้ขอให้สม
ขอทหารขมังธนูผู้อบรม คนนิยมยอยกสิบหกคน
เจ้าอชาตศัตรูผู้โง่เขลา ว่าท่านเอาไปใช้คงได้ผล
แต่เอาไปหลายหลากดูมากล้น เหมือนใช้พลขึ่ช้างจับกวางไพร
จะฆ่าคนหัวโล้นที่โกนผม พระสมณะโคดมในดงใหญ่
ขมังธนุคนเดียวเดินเดี่ยวไป ก็ฆ่าได้โดยง่ายวายชีวา
พระเทวทัตตอบว่าการฆ่าคน ที่ฝูงชนแวดล้อมอยู่พร้อมหน้า
ต้องวางแผนหลายชั้นวันเวลา ต้องลวงตาคนผู้ไม่รู้กล
อชาตศัตรูถามว่าพระอาจารย์ วางแผนการอันใดจึงได้ผล
พระเทวทัตตอบว่าคนน่ายล พระทศพลม้วยมอดเราปลอดภัย
ให้คนหนึ่งเข้าไปในอาวาส ยิงพิฆาตผิดนักไม่ตักษัย
คนที่สองยิงซ้ำทำทันใด ถ้าหากไม่ถูกองค์ตรงสำคัญ
คนที่สามยิงซ้ำทำทันที ถ้าคราวนี้ชีวาไม่อาสัญ
คนที่สี่ยิงซ้ำทำทันควัน ต้องป้องกันผิดพลาดมันอาจมี
คนที่ห้ายิงซ้ำกระหน่ำอีก ถ้าหลบหลีกซ้อนเร้นไม่เป็นผี
คนที่หกยิงพลันไปทันที ถ้าคราวนี้ไมตายวายชีวิต
คนที่เจ็ดยิงซ้ำกระหน่ำ่ร่าง ไ่ม่วายวางชีวาตม์ถ้าพลาดผิด
คนที่แปดระดมคงสมคิด คงสิ้นฤทธิ์เหมือนแรดยิงแปดที
อีกแปดคนรออยู่ประตูนอก คนไหนออกมาสู่ประตูผี
ให้แปดคนประหารผลาญชีวี คนร้ายที่ปลงชีวิตพระสิทธา
แล้วประกาศให้ชนคนทั้งหลาย ว่าคนร้ายทำบาปหยาบนักหนา
บังอาจปลงชีวาตม์พระศาสดา จึงดักฆ่าตายสิ้นมลทินแล้ว
ประกาศแก่บรรดาเถราทั้ว ว่าได้ตัวคนร้ายเหมือนได้แก้ว
ถูกล้างผลาญชีวีไม่วี่แวว เราผ่องแผ้วหลุดพ้นซึ่งมลทิน
เจ้าอชาตศัตรูผู้โง่เขลา จึงสั่งเอานายทหารชำนาญศิลป์
เคยขมังธนูมาเป็นอาจิณ ให้ทราบสิ้นแผนการชำนาญยุทธ
แปดคนแรกเข้าไปในอาวาส มุุ่งพิฆาตศาสดามหาอุุตม์
เห็นพระสงฆ์แวดล้อมจอมมนุษย์ ก็ยินหยุดตกประหม่าไมกล้ายิง
ยืนเหมือนตุ๊กตาตาปริบปริบ ไม่กล้าหยิบสายธนุยืนอยู่นิ่ง
พระศาสดาเนตรจ้องมองประวิง จนเขาทิ้งตัวกราบลงราบดิน
นายขมังธนูยืนอยู่ประตูรั้ว เห็นเพื่อนตัวลับกายหายไปสิ้น
ไม่่กลับมาสงสัยในใจจินต์ เหมือนนกบินหายลับไปกับตา
จึงชวนกันเดินตามไปถามทัก ก็ประจักษ์ในจิตปริศนา
พอประสบพบพักตร์พระศาสดา ก็ประหม่าจิตอึ้งตะลึงงัน
พากันก้มล้มราบลงกราบหมด น้อมประณตฟังคำพระธรรมขันธ์
จนบรรลุธรรโมโสดาบัน โดยทั่วกันอุบาสกสิบหกคน ฯ
**********
เรื่องนี้ไม่นิพนธ์เป็นมนตรา ชัยมงคลคาถาน่าฉงน
ในพาหุุงแปดบทพจน์นิพนธ์ ชั่งตกหล่นเรื่องอันสำคัญไป
คืออิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์บันดาลฤทธิ์ สะกดจิตนั้นให้หวั่นไหว
จนหยุดคิดชั่วร้ายละอายใจ เกิดรักใคร่เมตตาประหม่ากลัว
ฟังพระธรรมคำสอนสะท้อนจิต แล้วกลับคิดเลื่อมใสอยู่ในหัว
บรรลุุธรรมตามวาสนาชะตาตัว มีอยุุ่ทั่วไปในสมัยนั้น
เพราะจะเกินเก้าบทพจน์คาถา เป็นมนตราไร้ผลมงคลขวัญ
เรื่องนายขมังธนุแม่นแสนสำคัญ ไมประพันธ์นิพนธ์เป็นมนตรา ฯ (๖๘ คำ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น