นิทาน
เรื่อง พระเทวทัตเสนอญัตติ ๕ ประการ
๐ มีนิทานนานสุดคร้ังพุทธกาล เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งสรรพ์
พระเทวทัตมีฤทธิ์ประสิทธิ์ครัน จนถึงขั่นเหาะเล่นเหมือนเช่นนก
แต่มิได้เป็นพระอริยสงฆ์ เพราะเหตุหลงบาปกรรมจึงต่ำตก
อยากเป็นใหญ่ในบรรดาพระสาวก อยากจะปกครองขาดแทนศาสดา
แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต จึงอาฆาตแค้นใจอยู่ในหน้า
วางแผนฆ่าอาจาย์นมนานมา ไม่สมมาดปรารถนาวุ่นว้าใจ
จึงเสนอญัตติดำริว่า จะหักหน้าพระองค์ให้จงได้
จึงกราบทูลมุลเหตุเป็นเลศนัย ถ้ามิให้คราวนี้เห็นดีกัน
เราจะแยกหมู่สงฆ์ไม่ลงหัว จะตั้งตัวเราเด่นให้เห็นนั่น
หมู่สงฆ์ฺเดิมก็จะด้อยลดถอยพลัน ฝ่ายเราน้ันมากมีทวีไป
วันหนึ่งจึงกราบทูลถึงมูลเหตุ สงฆ์เป็นเพศถือพรตมียศใหญ่
ควรเคร่งครัดเต็มที่มีวินัย ควรถึอให้ยิ่งกว่าห้าประการ
หนึ่งมิให้เสพหามังสาสัตว์ ให้ถือมังสวิรัติทุกสถาน
สองให้ออกบิณฑบาตทุกวันวาน ไม่ฉันภ้ตตาหารบ้านผุ้ใด
สามให้ฉันในบาตรไม่ขาดเว้น ไม่รับประเคนนอกบาตรมาฉันใหม่
สี่ให้ถือผ้ากาสาว์ไตร สามผืนไม่รับถวายมากมายมี
ห้าให้อยู่โคนไม้ในไพรสณฑ์ ไม่อยู่บนเรือนชานสถานที่
ไม่อยู่ในอาวาสปุลาดดี ทั้งห้านี้ถือตลอดยอดวินัย
พระพุทธองค์ทรงฟังตรัสสั่งว่า ญัตติห้าข้อควรจะครวญใคร่
ใครจะถือถือตามความพอใจ แต่มิให้ถือทั่วทุกตัวตน
สงฆ์มิได้หุงหาซึ่งอาหาร เที่ยวขอทานข้าวสุกอยู่ทุกหน
เขาให้ทานชั่วดีตามมีจน เราต้องทนรับประทานอาหารนั้น
อันเนื้อสัตว์ฉันได้เราไม่ห้าม ไม่ผิดสามข้อเจตนานั่น
หนึ่งไม่สั่งให้ทำเป็นสำคัญ สองไม่ทันเห็นว่าเขาฆ่าเนื้อ
สามไม่ติดใจสงสัยว่าใครฆ่า เพื่อเอามาถวายแลทำแผ่เผื่อ
ให้เราฉันจำเพาะเจาะจงเบือ ฆ่าแกงเพื่อเจาะจงพระสงฆ์เรา
การบิณฑบาตรยาตราหาอาหาร เพื่อโปรดปรานคนผู้ทุกหมุ่เหล่า
ก็อาจเว้นได้อยู่ไม่ดูเบา ถ้าหากเขาจะเผดียงไปเลี้ยงดู
ถ้าผ้าไตรจีวรผุกร่อนขาด เราก็อาจรับถวายหญิงชายอยุู่
ไม่ห้ามขาดญาติกามาอุ้มชู ให้ผ้าคู่ผลัดได้ไม่เป็นไร
ใครถวายเรือนชานสถานที่ สร้างกุฎีเรือนฝาให้อาศัย
ก็อยู่ได้คุ้มฝนพันลมไป เราก็ไม่ว่าวอนหย่อนวินัย
อันญัตติห้าข้อไม่ขอรับ จะบังคับถ้วนทั่วหาควรไม่
จะลำบากยากเย็นเคื่ยวเข็ญใจ ผลได้ไม่เท่าเสียที่เพลียแรง
จะทรมานหมู่สงฆ์อย่างจงใจ ฝืนนิสัยผู้คนทุกหนแห่ง
สงฆ์จะอยู่อ้างว้างในกลางแปลง เหมือนจะแกล้งทำลายอยู่ภายใน
พระเทวทัตฟังคำพระดำรัส ให้นึกขัดเคืองมากที่อยากใหญ่
ไม่ใหญ่สมอารมณ์ไม่สมใจ จึงออกไปเจรจากับสาวก
อันญัตติห้าข้อเราขอถาม ใครเห็นดีเห็นงามไม่ต่ำตก
จงตามหลังเรามาในป่ารก พวกทายกทายิกาสักการะ
เพราะเคร่งครัดธรรมวินัยเมื่อใคร่รู้ จะพรั่งพรุกันมาสาธุสะ
จะมีลาภมีทานเบิกบานละ อยากเป็นพระมีวินัยไปกับเรา
ในโลกนี้มีชนปะปนอยุ่ คนไม่รู้ธัมโมพวกโง่เขลา
พวกรู้น้อยพลอยรำคาญสันดานเดา จึงไปเข้าเสเพลกับเทวทัตล
สงฆ์ประมาณห้าร้อยไม่น้อยอยู่ มิใช่ผู้อริยอรหันต์
สังฆเพทเหตุแบ่งอย่างแจ้งชัด เกิดวิบัตขึ้นในสมัยนั้น
พระพุทธองค์เรียกหาพระสารีบุตร พระโมคคัลาน์ฤทธิ์รุทธอรหันต์
ให้ไปตามสงฆ์กลับโดยฉับพลัน ทิ้งแต่ชั้นโง่งมให้จมโคลน
พระโกกิลาแสนโกรธพิโรธเร่า จึงขึ้่นเข่าเทวทัตเหมือนหัดโขน
เลือกกระอักออกมาหูตาโปน นอนอยู่โคนพฤกษาในคราน้ัน
ใครจะถือถือตามความพอใจ แต่มิให้ถือทั่วทุกตัวตน
สงฆ์มิได้หุงหาซึ่งอาหาร เที่ยวขอทานข้าวสุกอยู่ทุกหน
เขาให้ทานชั่วดีตามมีจน เราต้องทนรับประทานอาหารนั้น
อันเนื้อสัตว์ฉันได้เราไม่ห้าม ไม่ผิดสามข้อเจตนานั่น
หนึ่งไม่สั่งให้ทำเป็นสำคัญ สองไม่ทันเห็นว่าเขาฆ่าเนื้อ
สามไม่ติดใจสงสัยว่าใครฆ่า เพื่อเอามาถวายแลทำแผ่เผื่อ
ให้เราฉันจำเพาะเจาะจงเบือ ฆ่าแกงเพื่อเจาะจงพระสงฆ์เรา
การบิณฑบาตรยาตราหาอาหาร เพื่อโปรดปรานคนผู้ทุกหมุ่เหล่า
ก็อาจเว้นได้อยู่ไม่ดูเบา ถ้าหากเขาจะเผดียงไปเลี้ยงดู
ถ้าผ้าไตรจีวรผุกร่อนขาด เราก็อาจรับถวายหญิงชายอยุู่
ไม่ห้ามขาดญาติกามาอุ้มชู ให้ผ้าคู่ผลัดได้ไม่เป็นไร
ใครถวายเรือนชานสถานที่ สร้างกุฎีเรือนฝาให้อาศัย
ก็อยู่ได้คุ้มฝนพันลมไป เราก็ไม่ว่าวอนหย่อนวินัย
อันญัตติห้าข้อไม่ขอรับ จะบังคับถ้วนทั่วหาควรไม่
จะลำบากยากเย็นเคื่ยวเข็ญใจ ผลได้ไม่เท่าเสียที่เพลียแรง
จะทรมานหมู่สงฆ์อย่างจงใจ ฝืนนิสัยผู้คนทุกหนแห่ง
สงฆ์จะอยู่อ้างว้างในกลางแปลง เหมือนจะแกล้งทำลายอยู่ภายใน
พระเทวทัตฟังคำพระดำรัส ให้นึกขัดเคืองมากที่อยากใหญ่
ไม่ใหญ่สมอารมณ์ไม่สมใจ จึงออกไปเจรจากับสาวก
อันญัตติห้าข้อเราขอถาม ใครเห็นดีเห็นงามไม่ต่ำตก
จงตามหลังเรามาในป่ารก พวกทายกทายิกาสักการะ
เพราะเคร่งครัดธรรมวินัยเมื่อใคร่รู้ จะพรั่งพรุกันมาสาธุสะ
จะมีลาภมีทานเบิกบานละ อยากเป็นพระมีวินัยไปกับเรา
ในโลกนี้มีชนปะปนอยุ่ คนไม่รู้ธัมโมพวกโง่เขลา
พวกรู้น้อยพลอยรำคาญสันดานเดา จึงไปเข้าเสเพลกับเทวทัตล
สงฆ์ประมาณห้าร้อยไม่น้อยอยู่ มิใช่ผู้อริยอรหันต์
สังฆเพทเหตุแบ่งอย่างแจ้งชัด เกิดวิบัตขึ้นในสมัยนั้น
พระพุทธองค์เรียกหาพระสารีบุตร พระโมคคัลาน์ฤทธิ์รุทธอรหันต์
ให้ไปตามสงฆ์กลับโดยฉับพลัน ทิ้งแต่ชั้นโง่งมให้จมโคลน
พระโกกิลาแสนโกรธพิโรธเร่า จึงขึ้่นเข่าเทวทัตเหมือนหัดโขน
เลือกกระอักออกมาหูตาโปน นอนอยู่โคนพฤกษาในคราน้ัน
ครั้นค่อยหายคลายทุกข์จึงขุกคิด ว่าเราผิดคิดบาปหยาบมหันต์
ควรไปกราบขอขมาอย่าช้าพลัน พระภควันคงโปรดยกโทษภัย
จึงขึ้นแคร่แห่หามมาตามทาง มาพักข้างทุ่งหนึ่งริมบึงใหญ่
อยากจะอาบน้ำเล่นให้เย็นใจ จึงเดินไปนั่งมองดูหนองน้ำ
ฝ่ายพระโมคคัลลาน์พระสารีบุตร ทูลพระพุทธองค์ต่อถึงข้อขำ
ที่ได้ไปชี้แจงแสดงธรรม แล้วได้นำยุวสงฆ์กลับลงมา
พระเทวทัตสำนึกรู้สึกตน จึงดั้นด้นดินดงลงมาหา
พระสรรเพ็ชญจึงตรัสตัดวาจา ว่าไม่สามารถพบประสบเรา
พระเทวทัตทำบาปอันหยาบร้าย จักต้องตายทันทีวันนี้เล่า
ธรณีสูบไปมิใช่เบา ยามเมื่อเขาอาบน้ำชำระกาย
จมลงไปเหลือแต่เพียงแค่หัว เมื่อรู้ตัวบาปตนเหลือล้นหลาย
จึงออกปากฝากวาจาเมื่อคราตาย ว่าขอถวายคางมนุษย์ต่อพุทโธ
อานิสงส์ที่ถวายร่างกายตัว ที่ทำชั่วไว้หนักอยู่อักโข
ชาติสุุดท้ายได้บวชเป็นสังโฆ ลุุธัมโมเป็นพระปัจเจกพุทธ
แต่ต้องตกในนรกอเวจี นับหมื่นปีไปเถิดไม่เกิดผุด
ชาติสุดท้ายเกิดกายเป็นมนุษย์ ลุโลกุตรธรรมเที่ยวอยู่เดียวดาย
การก็เป็นเช่นน้้นสุดผันผ่อน พยากรณ์ไว้แสนจะแม่นหมาย
ธรณีสูบมิดชีวิตวาย สิ้นชื่อชายเทวทัตแต่บัดนั้น
แต่เรื่องนี้ไม่มีมาปรากฎ นิพนธ์พจน์บทคาถาพาหุงนั่น
ทรงพิชิตเทวทัตโดยอัศจรรย์ รู้กันลั่นบ้านเมืองเลื่องลือชา
มังสวิรัติมาเฟื่องในเมืองไทย เพราะมิได้ตรองตรึกและศึกษา
ไม่รู่้เรื่องคำตรัสพระศาสดา ที่สอนว่าฉันเนื้อเพื่ออะไร
ฉันเพื่อมีชีพอยู่ในหมู่สงฆ์ เพื่อดำรงพุทธธรรมนำสมัย
ฉันสิ่งที่ชาวบ้านทำทานไทย โดยมิได้เจตนาจะฆ่าแกง
ไม่เห็นเขาฆ่าแกงเลือดแดงเดือด เห็นเขาเชือดคอตายนึกหน่ายแหนง
ไม่มีความสงสัยใจระแวง ว่าเขาแกล้งฆ่าตายถวายตน
อันเนื่อปลาเช่นน้ันก็ฉันได้ ที่เขาให้ทานมาอย่าฉงน
ขณะฉันปลงใจในกมล ว่าเนื่้อคนเนื้อสัตว์โดยสัจจา
มันคือสิ่งเดียวกันทั้งนั้นหมด อย่าติดใจในรสเนื่้อมัจฉา
มิใช่อยุ่เพื่อกินจนลิ้นชา ฉันเนื่อปลาเพื่อปลงดำรงธรรม ฯ (๗๘ คำ)
๑ มกราคม ๒๕๓๓
ควรไปกราบขอขมาอย่าช้าพลัน พระภควันคงโปรดยกโทษภัย
จึงขึ้นแคร่แห่หามมาตามทาง มาพักข้างทุ่งหนึ่งริมบึงใหญ่
อยากจะอาบน้ำเล่นให้เย็นใจ จึงเดินไปนั่งมองดูหนองน้ำ
ฝ่ายพระโมคคัลลาน์พระสารีบุตร ทูลพระพุทธองค์ต่อถึงข้อขำ
ที่ได้ไปชี้แจงแสดงธรรม แล้วได้นำยุวสงฆ์กลับลงมา
พระเทวทัตสำนึกรู้สึกตน จึงดั้นด้นดินดงลงมาหา
พระสรรเพ็ชญจึงตรัสตัดวาจา ว่าไม่สามารถพบประสบเรา
พระเทวทัตทำบาปอันหยาบร้าย จักต้องตายทันทีวันนี้เล่า
ธรณีสูบไปมิใช่เบา ยามเมื่อเขาอาบน้ำชำระกาย
จมลงไปเหลือแต่เพียงแค่หัว เมื่อรู้ตัวบาปตนเหลือล้นหลาย
จึงออกปากฝากวาจาเมื่อคราตาย ว่าขอถวายคางมนุษย์ต่อพุทโธ
อานิสงส์ที่ถวายร่างกายตัว ที่ทำชั่วไว้หนักอยู่อักโข
ชาติสุุดท้ายได้บวชเป็นสังโฆ ลุุธัมโมเป็นพระปัจเจกพุทธ
แต่ต้องตกในนรกอเวจี นับหมื่นปีไปเถิดไม่เกิดผุด
ชาติสุดท้ายเกิดกายเป็นมนุษย์ ลุโลกุตรธรรมเที่ยวอยู่เดียวดาย
การก็เป็นเช่นน้้นสุดผันผ่อน พยากรณ์ไว้แสนจะแม่นหมาย
ธรณีสูบมิดชีวิตวาย สิ้นชื่อชายเทวทัตแต่บัดนั้น
แต่เรื่องนี้ไม่มีมาปรากฎ นิพนธ์พจน์บทคาถาพาหุงนั่น
ทรงพิชิตเทวทัตโดยอัศจรรย์ รู้กันลั่นบ้านเมืองเลื่องลือชา
มังสวิรัติมาเฟื่องในเมืองไทย เพราะมิได้ตรองตรึกและศึกษา
ไม่รู่้เรื่องคำตรัสพระศาสดา ที่สอนว่าฉันเนื้อเพื่ออะไร
ฉันเพื่อมีชีพอยู่ในหมู่สงฆ์ เพื่อดำรงพุทธธรรมนำสมัย
ฉันสิ่งที่ชาวบ้านทำทานไทย โดยมิได้เจตนาจะฆ่าแกง
ไม่เห็นเขาฆ่าแกงเลือดแดงเดือด เห็นเขาเชือดคอตายนึกหน่ายแหนง
ไม่มีความสงสัยใจระแวง ว่าเขาแกล้งฆ่าตายถวายตน
อันเนื่อปลาเช่นน้ันก็ฉันได้ ที่เขาให้ทานมาอย่าฉงน
ขณะฉันปลงใจในกมล ว่าเนื่้อคนเนื้อสัตว์โดยสัจจา
มันคือสิ่งเดียวกันทั้งนั้นหมด อย่าติดใจในรสเนื่้อมัจฉา
มิใช่อยุ่เพื่อกินจนลิ้นชา ฉันเนื่อปลาเพื่อปลงดำรงธรรม ฯ (๗๘ คำ)
๑ มกราคม ๒๕๓๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น