๒๘. นิทานเรื่อง
คระหะทินทดลองพระพุทธเจ้า
๐ มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งศรี
เมื่อพระพุทธองค์ยังทรงสำราญดี ในกรุงสาวัตถีบุรีรมย์
มีมานพสองนายเป็นชายฉลาด นับถือศาสนาใดยังไม่สม
ยังคลางแคลงแหนงใจในอารมณ์ เพียงนิยมนับถือตามชื่อนาม
มาณพหนึ่งนามว่าคระหะทิน นิยมยินสัจจะนิครนถ์อันคนขาม
ว่าเป็นสัพพัญญูรู้ดีงาม อดีตความอนาคตปัจจุบัน
ใครจะทำใครจะพูดหรือหยุดคิด ย่อมรู้จิตได้จริงทุกสิ่งสรรพ์
นำมาเล่ากับสหายไม่วายวัน พระอรหันต์ที่ตรัสคือสัจจ์นิครนถ์
มาณพหนึ่งนามมีสิริคุต นับถือพุทธอรหันต์ตรัสมรรคผล
ว่าเป็นสัพพัญญูรู้สากล รู้ใจคนคิดนึกตื้นลึกพลัน
ไม่เชื่อว่านิครนถ์รู้ล้นฟ้า จึงคิดหาทางช่องทดลองนั่น
ให้นิมนต์นิครนถ์ทุกคนนั้น มาขบฉันอาหารที่บ้านตน
สิริคุตวางแผนไว้แน่นหนา พิสูจน์หาอรหัตต์ตรัสมรรคผล
ให้ขุดหลุมพรางตามายากล แล้วให้คนถ่ายคูถจนปูดเต็ม
แล้วเอาอาสน์มาวางไว้ข้างหลุม เอาใบไม้มาสุมไว้เต็มเล่ม
อรหันต์จริงแหละไม่และเล็ม แม้แต่เข็มที่ฝังก็ยังรู้
พอนิครนถ์เข้ามาถึงหมู่บ้าน ก็ไหว้วานให้นั่งลงทั้งหมู่
ก็ตกหลุมขี้หมดนอนคุดคู้ จึงให้ผู้คนตีวิ่งหนีเกรียว
พิสูจน์ว่าอรหันต์พวกนั้นปลอม มันช่างหอมเต็มทีทั้งขี้เยี่ยว
ยังไม่เห็นสักสิ่งจริงจริงเจียว แล้วยังเที่ยวคุยฉันสัพพัญญู
คระทินแค้นเคืองเรืองนี้้นัก ที่เพื่อนหักหน้าตนเสียคนผู้
จึงพูดจายิ้มแย้มเดินแต้มคู จะเชิญครูของเพื่อนไปเรือนชาน
ไม่นับถือนิครนถ์ทุกคนแล้ว ขอเพื่อนแก้วช่วยเหลือเอื้อเฟื้อฉาน
ไปเชิญพระพุทธองค์ผู้ทรงญาณ ไปฉันภัตตาหารที่บ่้านเรา
พระพุทธองค์ทรงสอดทอดพระญาณ ไปถึงบ้านคระหะทินถึงถิ่นเขา
เห็นหลุมถ่านขุดไว้มิใช่เบา เขาจะเผ่าบาทาตถาคต
ตถาคตจรดบาทลีลาศ หลุมถ่านไฟที่ลับก็ดับหมด
คระหะทินใจสั่นอยุ่รันทด จะละพยศกลับมาศรัทธาเรา
เมื่อฟังธรรมคำเทศน์เห็นเหตผล จะหลุดพ้นสาเหตุกิเลสเผา
สำเร็จโสดาบันได้บรรเทา จะลุเข้าพระนิพพานอีกนานไกล
จึงเสด็จไปเยือนถึงเรือนชาน เหยียบหลุมถ่านอำพรางไม่ย่างไหม้
ถ่านเหมือนดอกบัวบานเต็มลานไป ก็ตกใจคระหะทินแทบสิ้นลม
ภัตตาหารต่างต่างที่อ้างหมาย จะถวายอย่างดีไม่มีสม
หม้อไหเปล่าแท้แท้มีแต่ลม แทบจะล้มลงตายอับอายนัก
สิริคุตปลอบว่าอย่าตกใจ เอาหม้อไหจานถ้วยจะช่วยตัก
คระหะทินก็อายแทบตายชัก อาหารสักหม้อไหมิได้ทำ
สิริคุตจึงว่าเพื่อนยาาเอ๋ย อย่านิ่งเฉยช้าอยู่ไม่สู้ขำ
เชิญไปหยิบยกเอาหม้อข้าวน้ำ เอามาทำไทยธรรมให้ฉ่ำใจ
คระหะทินจำใจไปเปิดหม้อ อาหารพอแก้จนสักคนได้
ตักมาถวายพระสงฆ์ด้วยจงใจ ตักเท่าไรไม่พร่องของมากมาย
เลี้ยงพระได้ห้าร้อยใข่น้อยน่ั่น พอขบฉันครบหมดไม่หดหาย
คระหะทินมืดหน้าจนตาลาย ใจหนึ่งอายใจหนึ่งสะพรึงกลัว
พระห้าร้อยขบฉันกันไม่หมด ยังปรากฎเหลือหลายมากมายทั่ว
ยิ่งคิดยิ่งหวั่นไหวใจระรัว จึงก้มหัวกราบบาทาประหม่าใจ
พระพทุธองค์ทรงตรัสจรัสเสียง โดยสำเนียงแจ่มสว่างกระจ่างใส
อนุโมทนาบุญทานเบิกบานใจ โดยมิได้แย้มโอษฐ์กล่าวโทษทัณฑ์
คระหะทินสิ้นพยศหมดกิเลส ฟังพระเทศน์บุญทานสารสวรรค์
สำเร็จได้ดวงตาโสดาบัน ในฉับพลันฟังธรรมสิ้นคำลง
เลื่อมใสพระพุทธฤทธิ์จิตเบิกบาน เสกอาหารได้ตามความประสงค์
เกรงพุทธานุภาพก้มกราบลง ขอพระองค์โปรดให้อภัยเทอญ
เรื่องนี้ไม่นิพนธ์เป็นมนตรา ในบทพาหุงนั้นสรรเสริญ
เกินคาถาเก้าบาทจะขาดเกิน ไม่จำเริญมงคลเป็นผลดี ฯ ( ๔๘ คำ )
๑๓ มกราคม ๒๕๓๓
สิริคุตจึงว่าเพื่อนยาาเอ๋ย อย่านิ่งเฉยช้าอยู่ไม่สู้ขำ
เชิญไปหยิบยกเอาหม้อข้าวน้ำ เอามาทำไทยธรรมให้ฉ่ำใจ
คระหะทินจำใจไปเปิดหม้อ อาหารพอแก้จนสักคนได้
ตักมาถวายพระสงฆ์ด้วยจงใจ ตักเท่าไรไม่พร่องของมากมาย
เลี้ยงพระได้ห้าร้อยใข่น้อยน่ั่น พอขบฉันครบหมดไม่หดหาย
คระหะทินมืดหน้าจนตาลาย ใจหนึ่งอายใจหนึ่งสะพรึงกลัว
พระห้าร้อยขบฉันกันไม่หมด ยังปรากฎเหลือหลายมากมายทั่ว
ยิ่งคิดยิ่งหวั่นไหวใจระรัว จึงก้มหัวกราบบาทาประหม่าใจ
พระพทุธองค์ทรงตรัสจรัสเสียง โดยสำเนียงแจ่มสว่างกระจ่างใส
อนุโมทนาบุญทานเบิกบานใจ โดยมิได้แย้มโอษฐ์กล่าวโทษทัณฑ์
คระหะทินสิ้นพยศหมดกิเลส ฟังพระเทศน์บุญทานสารสวรรค์
สำเร็จได้ดวงตาโสดาบัน ในฉับพลันฟังธรรมสิ้นคำลง
เลื่อมใสพระพุทธฤทธิ์จิตเบิกบาน เสกอาหารได้ตามความประสงค์
เกรงพุทธานุภาพก้มกราบลง ขอพระองค์โปรดให้อภัยเทอญ
เรื่องนี้ไม่นิพนธ์เป็นมนตรา ในบทพาหุงนั้นสรรเสริญ
เกินคาถาเก้าบาทจะขาดเกิน ไม่จำเริญมงคลเป็นผลดี ฯ ( ๔๘ คำ )
๑๓ มกราคม ๒๕๓๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น