๓๐ นิทาน
เรื่อง ปลาเกล็ดสีทอง
๐ มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งศรี
เมื่อพระปรมาจารย์สำราญดี อยู่ในกรุงสาวัตถีธานีเธอ
วันหนึ่งชาวประมงลงทอดแห ในท้องแม่น้ำใหญ่ที่ไหลเอ่อ
ได้ปลาใหญ่นักหนาเพิ่งมาาเจอ ใหญ่เบ้อเร่อเกล็ดมีเป็นสีทอง
จะฆ่าหรือจะขายเสียดายเหลือ เพราะใจเชื่อมงคลกุศลสนอง
ดูเกล็ดเนื้อเรื่องเหลืองอยู่เรืองรอง คงจะต้องเป็นปลาดีมีมงคล
จะนำเข้าทูลถวายเจ้านายเก่า คือพระเจ้าปเสนทิโกศล
ทรงทอดเนตรปลาร้ายในสายชล เห็นชอบกลยิ่งกว่าปลาใดใด
ทรงอยากทราบเหตุผลถึงต้นปลาย ว่าปลากรายสุวรรณเป็นพันธุ์ไหน
จึงให้นำปลาทองใส่ลองไป ถวายให้พระทศพลได้ยลยิน
พระพุทธองค์จึงทรงสังเกตุชัด แล้วก็ตรัสกับปลาชลาสินธุ์
ปลาก็อ้าปากตนเป็นมลทิน ให้ส่งกลิ่นเหม็นอบตลบไป
กลิ่นเหม็นคลุ้งฟุ้งเขตพระเชตวัน ทุกคนนั้นเหม็นหืนน่าคลื่นไส้
พระปเสนทิโกศลสนพระทัย ว่าเหตุใดปลากรายเหม็นร้ายแรง
พระพุทธองค์ทรงตรัสประวัติเก่า คร้ังพระเจ้ากัสสปะทรงแสวง
ตรัสรู้อริยสัจตรัสสำแดง ทรงรู้้แจ้งแทงโลกโมกวิมุตติ
ปลากรายทองตัวนี้มีวาสนา ได้เกิดมาเป็นคนผลที่สุด
บวชเป็นสงฆ์ทรงธรรม้ำมนุษย์ เป็นพุทธบุตรพหูสุตรพูดเป็นไฟ
คนนับถือลือชาชื่อปรากฎ ยิ่งมียศมีลาภเอิบอาบใหญ่
ยิ่งมีลาภยิ่งหลงทะนงใจ ว่าพระใดไม่เท่าเทียมเรานี้
เที่ยวด่าว่าพระสงฆ์องค์อื่นอื่น ว่าเป็นพื้่นโง่เขลาแสนเง่างี่
เรารู้ธรรมล้ำหน้ากว่าหลวงชี บรรดามีในมหาสมาคม
คร้ันตายไปจึงตกนรกร้อน เหมือนไฟรุมสุมขอนขึ้นทุับถม
คร้ันสิ้นกรรมเกิดเทือกในเปือกตม เป็นปลาจมน้ำเหตุุด้วยเศษกรรม
บาปกรรมที่เคยด่าว่าพระสงฆ์ จึงยังคงปากเน่าทุกเช้าค่ำ
จึงเป็นปลาปากเหม็นเป็นเวรซ้ำ เป็นบุญทำกรรมแต่งเปลี่ยนแปลงมา
ที่มีเกล็ดสีทองผ่องพิลาศ เพราะแต่ชาติก่อนนิยมห่มกาสาว์
ทรงจำคำพทุธรัตนวัจนา จึงกายาผุดผ่องเป็นทองคำ
พระบัดนี้ที่ฉลาดพูดปราดเปรี้ยว เปรียบเหมือนเขี้ยวเลื่ยมทองเป็นของขำ
เที่ยวโจมตีด่าพระอยู่ประจำ จะบาปกรรมเหมือนปลามัจฉาทอง ฯ
๑๕ มกราคม ๒๕๓๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น