วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

๔๓ นิทานเรื่อง พระรูปนันทาเถรีอรหันต์


 ๔๓ .
นิทานเรื่อง 
พระรูปนันทาเถรีอรหันต์

     ๐ มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล        เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งศรี
เรื่องพระรูปนันทาสุุเถรี                          ภคินีน้องนุชพระพุทธองค์
พระราชธิดาปชาบดีศรี                          เป็นขัตติยนารีรูประหง
ผิวดั่งงาทองผ่องพรรณพงศ์                 งามกว่าวงศ์ขัตติยาบรรดามี
พระเชษฎาออกบวชผนวชองค์             เป็นจอมสงฆ์ศาสดาสง่าศรี
พระมารดาปชาบดีชี                              บวชเป็นภิกษุณีในอาราม
พระญาติวงศ์องค์อื่่นพื้นบุรุษ                 บวชเป็ฯอุตตมสงฆ์องค์อร่าม
เห็นญาติบวชจึงผนวชออกบวชตาม      หามีความเลื่อมใสอะไรนัก
คร้ันบวชแล้วก็เมียงอายเอียงอยู่           ไม่หาสู่เชษฐาสง่าศักดิ์
ไม่อยากเฝ้าพระองค์ตรงพระพักตร์       เพราะยังรักรูปงามของทรามวัย
ไม่อยากฟังคำเทศน์ของเชษฐา            ที่เทศน์ว่ารูปร่างของนางไหน
ถึงสวยดั่งเทพธิดานางฟ้าใด                 ก็มิใช่เที่ยงแท้อยู่แน่นอน
ย่อมฟันหักผมงอกกันออกทั่ว               ผิวพรรณตัวเคยงามทรามสมร
ย่อมเหี่ยวย่นหย่อนยานไม่ถาวร            ย่อมม้วยมรณ์เน่าอึดไม่ยืดยาว
เจ้าหญิงรุปนันทาไม่สามารถ                จะฟังพระอนุศาสน์อันสามหาว
ตำหนิรูปลามกสกปรกราว                     จะว่าขาวเป็นดำดังคำพระ
เธอจึงไม่อยากเฝ้าพระเจ้าพี่                 จอมมุนีที่ตรัสเป็นสัจจะ
รู้แล้วว่าเป็นสิ่งที่จริงนะ                         ไม่อยากจะฟังคำใ้ห้ช้ำใจ
อันเกิดแ่ก่เจ็บตายนี่ร้ายยิ่ง                    มันเป็นสิ่งทนดูอยู่่ไม่ได้
เมื่อได้ฟังสิ่งอื่นชื่นพระทัย                    ฟังเรื่องไข้ ตาย แก่ มันแพ้แรง
จึงหลบเลี่ยงเมียงเมินสะเทิ้นอาย          หลบอย่ภายในกุฎีที่แอบแฝง
ไม่ไปฟังพระธรรมที่สำแดง                   พระผู้แจ้งโลกเชษฐ์เทศนา
บรรดาพระภิกษุณีที่มีอยู่                       มักไปสู่นิเวศพระเชษฐา
ชอบฟังธรรมฉ่ำชื่นรื่นอุรา                     พรรณาว่าเสนาะไพเราะนัก
ทุกเช้าค่ำเพื่อนพระภิกษณี                   มาพูดจี้ใจตนชอบกลหนัก
ประดุจลมพัดหวนมาชวนชัก                ให้อยากจักเข้าเฝ่้าเจ้าพี่ยา
จึงบอกเพื่อนภิกษุณีที่มีอยู่                   ว่าฉันรู้สึกตนเป็นคนบ้า
คอยหลบหน้าพี่ชายคล้ายโจรา            ฉันรู้ว่าใจฉันมันอ่่อนแอ
วันนี้จะไปเฝ้าพระเจ้าพี่                        ให้รู้ดีรู้ชั่วไม่กลัวแน่
จึงเพื่อนภิกษุณีว่าดีแท้                        เธอไปแต่วันนี้ฉันดีใจ
พระูรูปนันทาทำกล้าหาญ                    เธอทำการขัดสีฉวีใหญ่
เที่ยวหาดอกบุปผ่าสุมาลัย                  จะนำปทูลถวายพี่ชายตน
ฝ่ายพระพุทธองค์ทรงพระญาณ          ล่วงรู้กาลอนาคตปรากฎผล
ทรงทราบว่าขนิษฐาแม่หน้ามน           จะเริ่มสนใจคำธรรมเทศนา
จึงตรวจดูรู้จิตขนิษฐ์น้อง                     ยังคิดข้องรูปลักษณ์อยู่หนักหนา
ยังรักสวยรักงามธรรมดา                     ขัตติานารีมีตระกูล
วันนี้มาฟังธรรมจำจะเทศน์                 ให้เห็นเหตุร่างกายต้องตายสูญ
จำจะต้องแต่งเติมค่อยเพิ่มพูน            ให้เห็นมูลเหตุแท้แน่แก่ตา
เมื่อพระรูปนันทาเข้ามาเฝ้า                 นั่งแอบเสาแฝงเร้นไม่เห็นหน้า
จึงเนรมิตรูปนางเทพธิดา                    สวยหยาดฟ้ายอดยิ่งกว่าหญิงใด
กาสาว์ทองสีระยับจับพระเนตร           สวมพระเกศเพชรรัตน์จำรัสไข
ผิวดั่งทองผ่องผาดพิลาศพิไล            หาหญิงใดใต้หล้ามาเทียมทัน
จึงพระรูปนันทาประหม่าจิต                 หันมาพิศกายตนหม่นหมองนั่น
พิศดูเทพธิดาวิลาวัณย์                       สวยดั่งนางในฝันชั้นฟากฟ้า
ยืนลอยตัวยั่วเนตรส่ั่งเกตเห็น             ดั่งเดือนเพ็ญเด่นสว่างอยู่กลางหล้า
แต่เรากลายคล้ายปวงดวงดารา         ล้อมลดหลั่นจันทราให้เด่นดวง
นางยืนลอยหลังองค์พระทรงศรี         คอยพัดวีลมให้แก่ในหลวง
พระรัศมีพี่ยิ่งสิ่งทั้งปวง                      พอคู่ควงนางกษัตริย์พี่พัดวี
แล้วนางนั้นพลันมาชราร่าง                ทั้งแก้มคางเหี่ยวย่นเป็นพ้นที่
กลายเป็นหญิงชราไม่ช้าที                ผมเผ้าที่ดำพราวก็ขาวโพลน
ทั้งฟันฟางห่างหักเห็นเหงือกแดง     ทั้งขาแข้งหลังหน้าเหมือนตาโขน
 แล้วล้มว่าวลงทับเหมือนจับโยน       เหมือนไม้โกร๋นแห้งขอนลงนอนตาย
เนื่้อขึ้นอีดเน่าพองเป็นหนองไหล      แมงวันไต่ตอมเนื้ออยู่เหลือหลาย
กระดูกผุขาวกร่างทั้งร่างกาย             เกลือนกระจายตามดินดูสิ้นดี
พระรูปนันทาเถรีมีสติ                        นึกตรองตริตามจริงทุกสิ่งสี
บรรลุโสดาบันในทันที                      พทุธวิธีเนรมิตให้ติดตาม
เห็นพระไตรลักษณ์แจ้งแทงตลอด   จึงหลุดรอดทุกข์โศกในโลกสาม
กามภพรูปภพบรรจบความ                อรูปภพจบนามวา่ไตรภพ
บรรลุพระอรหัตตัดกิเลส                   ตามตำเทศน์ทีแสดงจนแจ้งจบ
ภิกษุณีก็พร้อมกันน้อมนบ                กราบเคารพอรหันต์รุปนันทา ฯ   (๖๐ คำ)

                                                                  ๒๕ มกราคม  ๒๕๓๓
         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น