วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2559

๔๑. นิทาน เรื่อง สันตติมหาเสนามาตย์ อรหันต์วันเดียว


๔๑. นิทาน
เรื่อง สันตติมหาเสนามาตย์ อรหันต์วันเดียว

     ๐ มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล         เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งสรรพ์
เรื่องสันตติมหาเสนานันต์                      เป็นอรหันต์ทันทีก็นิพพาน
ท่านสันตติมหาเสนามาตย์                    เป็นอำมาตย์เสนาผู้กล้าหาญ
เป็นที่โปรดเมตตามาช้านาน                 พระเจ้าพิมพิสารทรงไว้ใจ
เมื่อมีเรื่องวุ่นวายที่ชายแดน                  ประชาชนข้นแค้นลุกลามใหญ่
ทรงมอบสันตติมาหเสนาใน                  ให้ออกไปปราบการจราจล
ปราบสำเร็จเสร็จสรรพแล้วกลับมา        พระราชาโสดาปัตติผล
จึงปูนยศใหญ่มอบให้ชอบกล                มอบเครื่องต้นเครื่องทรงองค์ราชา
ให้ครองกรุงปัตถเวนขึ้นเป็นใหญ่          กำหนดให้เจ็ดวันเพื่อหรรษา
พระราชทานนักฟ้อนอ่อนเอวมา            พร้อมบรรดามโหรีดนตรีการ
ให้สันตติเสนาราชาสมมุติ                     ชมประดุจราชาามหาศาล
สันตติเอิกเกริกแสนเบิกบาน                 สนุกสนานเพลิดเพลินจำเร็ญใจ
เสวยน้ำจัณฑ์เมาด้วยเหล้ายา               ทอดทัศนานางอนงค์อย่างหลงไหล
ให้นักฟ้อนฟ้อนรำระบำใน                     ดั่งอัปสรอ่อนไหวไปทั้งตัว
ยั่วกิเลสตัณหาให้ผาสุก                        แสนสนุกเหลือใจมิใช่ชั่ว
ดูทั้งคืนทั้งวันเผ้าพันพัว                        แสนเมามัวกามายั่วอารมณ์
แม้สันตติอำมาตย์ชาติเสนา                  ลุโสดาปัตติผลยังหมักหมม
เมื่อนักฟ้อนร่อนร่าให้น่าชม                  โอษฐ์ก็อมสุราถึงตาลาย
ครบเจ็ดวันพอดีมีวาสนา                       เป็นราชาครองกุรงสมมุ่งหมาย
จีงขี่ช้างออกมาโอ่อ่ากาย                     จะสรงสายธารที่ท่่าน้ำ
ทอดพระเนตรสังเกตพลกาย                ทั้งหญิงชายไปมากันคลาคล่ำ
เห็นพระพุทธองค์งามอร่ามล้ำ              ทรงเดินนำไปหน้าพระอานนท์
ออกโปรดสัตว์น้อยใหญ่ในตลาด         ท่านมหาอำมาตย์ไม่ฉงน
ก้มพระพักตร์พยักหน้ารับว่าตน            เคารพพระทศพลถึงตนเมา
พระพุทธองค์ทรงยิ้มปริ่มพระโอษฐ์     ดั่งจะโปรดอำมาตย์มากกว่าเก่า
พระอานนท์สนใจมิใช่เบา                    อาจารย์เรายิ้มทีมักมีนัย
จึงทุลถามพระองค์ทรงพระสรวล         จะคู่ควรแก่อำมาตย์ขนาดไหน
จึงตรัสพยากรณ์พลันในทันใด             วันนี้ในตอนบ่ายชายสุริยา
สันตติอำมาตย์ราชภูษิต                      ที่ทรงฤทธิ์แทนทดมียศถา
จะแต่งเครื่องแต้มยศมีกฎชา               จะเดินทางมาหาตถาคต
อันเราจักแสดงเหตุธรรมเทศนา          สี่คาถาให้ฟังด่ั่งกำหนด
เขาจักลุอรหัตตัดสมมติ                      จนปรากฎอิทธิฤทธิ์ตรีวิชชา
เขาจะเหาะขึ้นเร่สู่เวหาส                     บนอากาศสูงนักดั่งปักษา
สูงชั่วเจ็ดลำตาลประมาณว่า               เจ็ดสิบห้าวาจัดว่าอัศจรรย์
พยากรณ์ล่วงหน้าตถาคต                   ก็ปรากฎเลื่องลืออื้ออึงนั่น
พวกเดียร์ถึย์ไม่เชื่อแสนเบื่อครัน        ชนนอกนั้นเชื่อถือเลื่องลือไกล
ฝ่ายสันตติอำมาตย์ชาติเสนา             พระราชาชั่วคราวเกรียวกราวใหญ่
ครั้นเล่นน้ำฉ่ำชื่นรื่นพระทัย                ให้แห่ไปยังพระราชอุทยาน
ขึ่ช้างน่ังในกระบวนถึงสวนขวัญ         คนแห่ห้อมล้อมกันสนุกสนาน
พักพลับพลาสวนขวัญอันตระการ      พนักงานจัดหาสุราดี
มาถวายให้เสวยเสบยบาน                  ให้นงคราญนักฟ้อนอ่อนอิตถี
คนโปรดพระราชายอดยายี                 มาร่ำร่ายส่ายโสณีล่อนัยน์ตา
มโหรีปี่ซอเคล้าคลอเสียง                  เสนาะเพียงเพลงสวรรค์สุดหรรษา
ท่านสันตติอำมาตย์ชาติเสนา            พระราชาชั่วครู่ชื่นชูใจ
ขณะน้ันนักฟ้อนอัปสรสาว                 ล้มทับท่าวซวนซบสลบไสล
ร่างขักงอชักดิ้นแล้วสิ้นใจ                 สุดแก้ไขกลับฟื้นให้คืนมา
พระราชาชั่วคราวทรงเศร้าโศก         แสนวิโยคยังรักเธอหนักหนา
แม้กำลังดื่้มเหล้าเมาสุรา                  ก็สร่างซาแสนโศกนั่งโงกงง
จึงผลุนผลันผันผินถวิลหา                พระศาสดาอยู่ในไพรระหง
ส่ังพลไพรแห่ห้อมแวดล้อมวง          เข้าในพงไปหาพระอาจารย์
ไปถึงพระเชตวันสายัณห์ค่ำ             แล้วก็พร่าทูลองค์ด้วยสงสาร
ถึงนักฟ้อนฉะอ้อนกายมาวายปราณ จงโปรดปรานดับโศกวิโยคครวญ
สมเด็จพระผู้แจ้งแทงใจสัตว์            พระก็ตรัสระงับดับกำสรวล
ท่านมหาอำมาตย์ใหญ่จงใคร่ครวญ  คิดทบทวนชาติก่อนที่ย้อนมา
ถ้าจะรวมน้ำตานองหน้าเจ้า              ในชาติเก่าที่ได้อาลัยหา
ถึงนางนาฎที่ตายวายชีวา                 ยังมากกว่าพระมหาสมุทัย
ความกังวลสิ่งใดในใจจิต                 จงปลดปลิดกังวลอย่าหม่นไหม้
อย่ากังวลเก่าก่อนทีร้อนใจ              กังวลใหม่ปัจจุบันจงบั่นทอน
ถ้าท่านตัดกังวลให้พ้นอก                ไม่วิตกในทรวงดวงสมร
ท่านจะท่องเที่ยวไปในอัมพร           นิรันดรสันติสุขสิ้นทุกข์แล้ว
สันตติอำมาตย์ชาติบุรุษ                   จิตก็หลุดโลกล่วงโดยผ่องแผ้ว
บรรลุุธรรมโสภิณจนสิ้นแนว             จิตแน่แน่วสู่สถานนิพพานพ้น
สำเร็จฌานแก่กล้าวิชชาสาม           สมดั่งความปรารถนาสถาผล
จึงกราบบาทตถาคตพระทศพล       เหาะขึ้่นบนนภากาศดั่งชาตินก
แล้วนั่งขัดสมาธิสติมั่น                     ลอยอยู่ชั้นเวหาสชาติวิหค
เล่าถึงชาติก่อนมาเป็นสาธก            อุบาสกสึกาเชิญมาฟัง
ในสมัยพระพุทธวิปัสสี                     หม่อมฉันนี้เกิดมาในคราหลัง
ชอบทำบุญหนักหนาในคราคร้ัง      ทั้งชอบฟังพระธรรมเทศนา
ชอบประกาศชวนเขาชาวนคร          ราษฎรดีชั่วถ้วนทั่วหน้า
ให้ทำบุญสุนทานการภาวนา            เป็นมรรคนายกใหญ่สมัยนั้น
พระราชาถามว่าอุบาสก                   เที่ยวเดินบกเบิกถางทางสวรรค์
ท่านไปโดยพาหนะอะไรกัน             ว่าหม่อมฉันเดินไปใช้บาทา
พระราชาโปรดปรานประทานให้      ขี่ม้าใช้อย่างดีให้มีหน้า
เห็นพากเพียรปรากฎไม่ลดรา         พระราชาโมทนาศรัทธาไทย
พระราชทานรถม้าให้มาแทน           ให้ขับแล่นโฆษณาภาษาศัย
หม่อมฉันทำหน้าที่อย่างดีไป          พระก็ให้ช้างทรงองค์ราชา
ให้ขี่เที่ยวโฆษณาประชาราษฎร์     ให้ทำบุญตักบาตรในศาสนา
ให้ฟังธรรมคำพระเทศนา                จงทำหน้าที่น้ันทุกวันไป
บุพกรรมอันนี้ทวีผล                        จึงเกิดวนเวียนยุคทุกสมัย
มาจนถึงชาตินี้มีโชคชัย                  ได้เป็นใหญ่เทียมทัดกษัตรา
ท่านสันตติเสนามหาอำมาตย์         รำลึกชาติก่อนสิ้นถวิลหา
จึงเล่าบุพกรรมน้อมนำมา               ถวายตถาคตพลางกลางลมบน
อุบาสกสีกาประชาราษฎร์               ก็เกลือนกลาดฟังเทศน์เห็นเหตุผล
ตถาคตรับรองผองยุบล                  ต้ังแต่ต้นจนจบว่าครบครัน
สันตติอำมาตย์ชาติเสนา                พระราชาชั่วคราวที่กล่าวขวัญ
จึงเข้าเตโชธาตุอัคคีพลัน              อัศจรรย์ธาตุไฟก็ไหม้พอง
ไฟลุกโชติช่วงแรงสีแดงจ้า           ไหม้กายาท่านคล้ายละลายล่อง
เหลือธาตุดอกมะลิสิเป็นทอง         ร่วงลงท้องภาคพื้นภูวดล
พระพุทธองค์ทรงสั่งให้สร้างรูป     พระสถูปอันใหญ่ไว้กลางหน
เพื่อเป็นที่บูชามหาชน                   เป็นบุคคลชั้นกษัตริย์ขัตติยา
สำเร็จพระอรหัตตัดกิเลส               อยู่ในเพศคฤหัสถ์วาสนา
มหาชนนับถือเลื่องลือชา              เรื่องมหาสันตติอำมาตย์นั้น
พระอรหันต์วันเดียวประเดี๋ยวหนึ่ง  แล้วก็ถึงดับชาติสิ้นธาตุขันธ์
มีฤทธิ์เหาะลอยฟ้านภาพลัน          เข้าฌานขั้นสมาบัติธาตุเตโช
ไหม้กายาท่านพลางกลางอากาศ  เหลือสารีริกธาตุอยู่อักโข
พระพุทธองค์สร้างสถูปไว้อยางใหญ่โต  ให้คนโมทนาบุญไม่สูญไป   (๙๖ คำ)

                                                               ๒๓  มกราคม ๒๕๓๓
 
                                            

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น