วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

๓๙. นิทานเรื่อง นายพรานโสดาบัน


๓๙. นิทาน
เรื่อง นายพรานโสดาบัน

     ๐ มีนิทานนานสุดครังพุทธกาล          เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งสรรพ์
เรื่องกุกกุฎมิตรพรานไพรใจฉกรรจ์         เป็นโสดาบันเพราะบุญมาหนุนนำ
ในเมืองราชคฤห์ในสมัยนั้น                    พรานสำคัญเข้าเมืองมีเรื่องขำ
เมื่อเข้าป่าล่าเนื้อเหยื่ยประจำ                 แล้วก็ทำเนื้อแห้งสีแดงดี
เข้ามาขายในเมืองอยู่เนืองนิตย์             เลี้ยงชีวิตต่อมาตามหน้าที่
ขับเกวียนน้อยเข้ามายังธานี                   ประชาชีซื้อเนื้อทุกเมื่อไป
ขับเกวียนผ่านบ้านหนึ่งจะพึงกล่าว        เป็นลูกสาวเศรษฐีมั่งมีใหญ่
ยังสาวโสดสวยงามล้ำวิไล                     อันใครใครแหงนเถ่อชะเง้อเงย
หนุ่มคนไหนมาชะเง้อก็เก้อหน้า             ใครไม่กล้าเข้ามาเป็นลูกเขย
เพราะเธอรวยเกินไปกระไรเลย               เฝ้าชมเชยเหมือนว่าดอกฟ้าไกล
เธอทำบุญสุนทานที่บ้านเรือน                ไม่เฉยเชือนพระสงฆ์สักองค์ไหน
หม่ั่นเข้าเฝ้าฟังธรรมชื่นฉ่ำใจ                 จนถีงได้ดวงตาโสดาบัน
เลื่อมใสพระโคตมบรมบุรษ                    ดังเทพบุตรในห้วงสรวงสวรรค์
เหมือนบิดาบังเกิดเกล้าเท่าทกวัน          เธอต้องหมั่นบูชาสักการะ
เห็นนายพรานหนุ่มชายกายกำยำ           ดูข้อล่ำชุ่มชวยหน้าสวยสระ
เธอจ้องมองเช้าเย็นไม่เว้นละ                 จ้องคอยปะหน้าเพือนในเรือนบน
มองลงมาเห็นชายหนุ่มนายพราน           ขับเกวียนผ่นเรือนไปใจสับสน
วาสนาตัดไม่ขาดประหลาดล้น               คอยแอบยลหน้าชายหนุ่มนายพราน
ยิ่งพบเห็นยิ่งคิดพิศวาส                         เป็นบุพเพสันนิวาสดั่งว่าขาน
จึงห่อผ้าตามไปมิได้นาน                       ไปอยู่บ้านนายพรานกันดารไกล
อยู่กินกับนายพรานมานานปี                  จนนางมีลูกชุมเป็นหนุ่มใหญ่
รวมเจ็ดคนหนุ่มสะพรั่งกำลังไว             หากินในดงดานเป็นพรานเนื้่อ
พระพุุทธองค์ทรงส่องมองดุสัตว์           เพื่อจะตรัสโปรดเกล้าเข้าช่วยเหลือ
เห็นพรานฆ่าเนื้่อทรายตายเป็นเบือ       แต่เป็นเชื้อสายพุทธบุตรพระองค์
ล้วนมีบุญวาสนามาแต่ก่อน                   พอจะสอนได้ตามความประสงค์
จึงแบ่งภาคเข้าไปในไพรพง                 ไปถึงดงพรานลวงดักบ่วงไว้
ทรงพินิจพิศแล้วบ่วงแร้วปัก                 เอาไว้ดักสัตว์คล้อยทั้งน้อยใหญ่
เอาบาทเหยียบแร้วน้ันโดยทันใด         แร้วก็ไม่รัดบาทเชือกขาดไป
แล้วประทับนั่งในร่มไม้พุ่ม                    โคนสุมทุมไม้ใหญ่ไม่ไปไหน
นายพรานเห็นก็โกรธพิโรธใจ                พระอะไรไม่ทราบขัดลาภทาน
จึงโก่งคันธนูยืนอยุ่นิ่ง                           จะลั่นยิงศณพิษคิดล้างผลาญ
แต่เหมือนถูกตรึงตราในอาการ             ยืนอยุ่นานนิ่งนิ่งไม่ยิงไป
จะลดคันธนูก็ดูหนัก                              ดังแขนขาจะหักเหงื่อไคลไหล
ทั้งลูกเมียอยู่บ้านรำคาญใจ                  พ่อยังไม่กลับมาจนสายันณ์
เจ้าลูกชายเจ็ฺดคนจึงด้นป่า                   เที่ยวค้นหาพ่อใหญ่ในไพรสัณฑ์
พบพ่อยืนแข็งทื่อซื่อสำคัญ                  จึงพากันโกรธพระแทบจะตาย
เงื้อธนุหมายมาดพิฆาตฆ่า                    เจ้าชีป่าคนนี้เป็นที่หมาย
คงเป็นคนข่มเหงคะเนงร้าย                  ต้องทำลายต้นตอให้มรณา
เจ้าลูกชายนายพรานเป็นพาลชน         ยังมืดมนใจอยู่ไม่รู้ว่า
นั่นคือจอมมุนียอดชีบา                         ใครจะฆ่าให้ตายมิได้เลย
มันจึงง้างคันธนูยืนอยู่นิ่ง                      ไม่ไหวติงอะไรไปเฉยเฉย
มันมึนชาทั้งร่างเหมือนอย่างเคย          อย่างเนื้่อเกยเตาไฟไม่ไหวติง  
ฝ่ายแม่คอยลูกชายก็หายหน้า              พ่อก็หากลับไม่สงสัยยิ่ง
จึงวิ่งเข้าพงไพรสงสัยจริง                     หวั่นประวิงวา่ร้ายล้มตายกัน
ไปพบลูกพบผัวของตัวครบ                  ยืนสยบแข็งทื่ออยู่ที่นั่น
เหลือบไปเห็นพุทธะภควัน                   จึงร้องลั่น "อย่าฆ่าบิดาเรา"
ฝ่ายเจ้าลูกและผัวรู้ตัวแล้ว                   ได้ยินแว่ววาจามารดาเฒ่า
ได้สติเบากายสบายเบา                        จึงก้มเกล้ากราบบาทพระศาสดา
พระพุทธองค์ทรงทราบในบาปบุญ       มาค้ำจุนในชาติวาสนา
พ่อลูกพรานเจ็ดคนให้ผลมา                 จึงเทศนาสอนธรรมชื่นฉ่ำใจ
สำเร็จโสดาบันด้วยกันหมด                  เมื่อรับรสพระธรรมดื่่มด่ำได้
เพราะบุญกรรมเคยสร้างแต่ปางใด       ทรงเล่าให้เขาฟังแต่หลังมา
ในศาสนาพระพทุธกัสสปะ                   นิพพานละขันธ์สิ้นสู่เวหา
กษัตริย์พราหมณ์พวกเหล่าชาวพารา   แบ่งธาตุไปบูชาสักการะ 
แล้วสร้าวพระเจดีย์ศรีพระธาตุ              ประชาราษฎร์ทั้งหลายได้พบปะ
ช่วยกันสร้างชมเล่นไม่เว้นละ               สร้างเป็นพระมหาธาตุุคู่ธานี
ชาวบ้านนอกคนหนึ่งซึ่งพบเห็น           มิได้เว้นศรัทธาในราศี
สละทรัพย์สินเทสร้างเจดีย์                  เป็นทาสีทาสาพระอาราม
ปฎิบัติวัตถามหาธาตุ                            คอยปัดกวาดทั้วไปในสถาน
ทั้งลูกเต้าภรรยาพยายาม                     คอยทำความสะอาดลานวัดวา
ได้เวียนเกิดเวียนตายมาหลายชาติ      วาสนาตัดไม่ขาดพระศาสนา
ในชาตินี้จึงเกิดกำเนิดมา                     เป็นพรานป่าเพราะกรรมเคยทำไว้
ภรรยามาเกิดกำเนิดดี                          เป็นธิดาเศรษฐีบุรีใหญ่
เพราะบุพเพสันนิวาสแต่ชาติไร           จึงรักใคร่ได้กันเป็นภรรยา
ไปเป็นเมียพรานในดานดง                  ดั่งเจาะจงในชาติวาสนา
ช่วยชักลูกพาผัวของตัวมา                  ลุโสดาปัตติผลทุกคนไป
เรื่องนี้ไม่นิพนธ์เป็นมนตรา                 ในบทพาหุงคงนึกสงสัย
เพราะจะเกินเก้ายทพจนัย                  ถือว่าไม่ขลังดีมีมงคล ฯ   ( ๖๘ คำ )

                                                                     ๑๙ มกราคม ๒๕๓๓    
             

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น