๑๘ นิทาน
เรื่อง อยากดูพุทธปาฎิหารย์
๐ มีนิทานนานสุดคร้ังพุทธกาล เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งศรี
เรื่องเจ่้าชายมาบวชอย่างอวดดี อยากเห็นมีปาฎิหารย์ต้องการดู
อยากพิสูจน์พุทธาปาฎิหารย์ แห่งพระศาสดาจารย์อันมีอยู่
จะเท็จจริงอย่างไรจะใคร่รู้ เห็นคนผู้พูดกันไม่มั่นใจ
คร้ังหนึ่งพระพุทธองค์ทรงประทับ อยู่พร้อมกับพระสงฆ์ในพงไผ่
ในแคว้นมัลละคามนิคมไพร กษัตริย์ในลิจฉวีชื่อลือชา
ว่าปกครองบ้านเมืองรุ่งเรืองศรี โดยสามัคคีธรรมเนียมแยี่ยมนักหนา
เจ้าชายชื่อสุนักขัตต์กษัตริย์ตรา* ได้เข้ามาผนวชอย่างอวดดี
อยากทดลองปาฎิหารย์อาจารย์เจ้า ตามที่เขาพูดถึงกันอึงมี่
อยากจะทอดพระเนตรเหตุลับลี้ ว่าจะมีจริงบ้างหรืออย่างไร
บวชอยู่นานหลายเดือนก็เชือนเฉย มิได้เคยทัศนาน่าสงสัย
ไม่เห็นจริงสักรายนึกหน่ายใจ อยากจะไปพบพานอาจารย์ดี
พระพุทธองค์ทรงทราบความรู้สึก ที่คิดนึกวิปริตจนคิดหนี
จึงพากันเดินดงในพงพี จนถึงที่หมู่บ้านอตตรากา
ได้พบนักบวชหนึ่งซึ่งทำพรต จึงกำหนดสิ้นสุดมนุสสา
คือเปลือยกายล้อนจ้อนสัญจรมา ไม่มีผ้าผืนนิดปกปิดกาย
แถมยังเดินสี่ขาท่าสุนัข เที่ยวนอนพักหลุมถ่านบ้านทั้งหลาย
ขออาหารเขากินจนสิ้นอาย กินก็คล้ายสุนัขปากใช้งับ
ไม่ใช้มือรับทานอาหารสิ้น แต่ใช้ลิ้นเลียแลบแทบลมจับ
ชื่อนักบวช "โกรักขัตติยา" ผู้อาภัพ ดูเหมือนกับสุนัขเพศน่าเวทนา
พระสุนัขขัตตะเห็นตระหนัก ให้นึกรักโยคีตาชีป่า
ว่านี่คือสมณะแน่แท้แก่ตา ไม่ปรารถนาสิ่งใดในโลกีย์
นี่คือพระอรหันต์ชั้นวิมุตติ ย่อมจะหลุดโลกล้าสง่าศรี
อยากประพฤติยึดตามงดงามดี คงจะมีปาฎิหารย์ตระการตา
พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิต เข้าคั่นมิจฉาทิฎฐิดำริบ้า
จึงโปรดพระสุนัขขัตตะกรุูณา แล้วตรัสว่าเจ็ดราตรีแต่นี้ไป
ชีเปลือยนี้จะตายวายชีวาตม์ ด้วยอาพาธท้องขึ้นท้องอืดใหญ่
ศพจะอยู่ป่าช้าในป่าไกล ชื่อ"วีรณถัมภกะ" ในไพรพนา
เขาจะตายไปเกิดกำเนิดอยู่ ในพวกหมู่อสุรกายร้ายนักหนา
เรียกอสุรกายชั้น "กาลัญชิกา" น่าสมเพชเวทนาในกรรมเวร
พระสนัขขัตตะฟังตระหนัก แต่ก็ชักสงสัยมองไม่เห็น
ว่าจะล่่วงรู้หมดถึงกฎเกณฑ์ ถึงเศษเดนกรรมกล้าไม่น่าฟัง
เที่ยวบอกพวกเดียร์ถีย์ที่มีอยู่ ถึงคำครูทำนายในภายหลัง
พวกเดียร์ถีย์ฟังว่านึกน่าชัง จึงคอยต้ังจับผิดติดตามดู
ครบเจ็ดวันทิวาและราตรี จึงตาชีเปลือยล้มสิ้นลมอยู่
พวกเดียร์ถีย์กลัวใครจะไปรู้ จึงลากลู่ถูกังยังป่าช้า
วีรณถัมภกะระยะไกล ปกปิดให้คนผุ้ไม่รู้ว่า
พระสมณโคดมมีสมญา ทำนายมาแม่นกับดั่งจับวาง
พระสุนัขขัตตะนึกตระหนัก แต่ไม่ยักเชือจริงทุกสิ่งอย่าง
ว่าเกิดไหนไม่แจ้งยังแคลงคลาง จะทราบทางเกิดน้ันได้ฉันใด
พระพุทธองค์จึงต้องชี้ช่องทาง ให้ไปข้างศพผีตาชีใหญ่
เคาะหัวศพสามครั้งโดยตั้งใจ ถามว่าไปเกิดไหนจงบอกมา
พระสุนัขขัตตะจิตกระด้าง จึงเดินทางเข้าไปถึงในป่า
เห็นศพชีเปลือยกลิ้งทิ้งสุธา จึงเคาะหน้าผากชีทันทีทันใด
ว่าดุูก่อนพระโกรักขัตติยะพระอรหันต์ ไปเกิดชั้นวิมานสถานไหน
ศพชีเปลือยลุกถลันขึ้นทันใด ว่าเราไปเกิดอยู่ "อสุรกาย"
ถามว่าอสุรกายน้ันนามฉันใด ตาชีไพรว่าเรียกสำเหนียกง่าย
"กาลัญชิกา"ในใต้อบาย แล้วล้มหงายเงียบสงบเหมือนศพเดิน
พระสุนัขขัตตะละพยศ มาวันทาพระสุคนหมดฮึกเหิม
พระพุทธองค์ตรัสล้อขึ้นต่อเดิม เพื่อส่งเสริมปัญญาพระสาวก
ว่า "ดูก่อนโฆษบุรุษสุดโง่เขลา เธอเห็นเราหรือยังนั่งวิตก
อิทธิฤทธิปาฎิหารย์อันเรายก มันถึงอกถึงใจได้หรือยัง
เราทำนายวันตายก็ได้ด้วย บอกเรื่องป่วยไข้ได้ดั่งใจหวัง
บอกถึงศพในป่าช้าที่คาซัง บอกกระทั่งเกิดตายอบายภพ
บันดาลให้พิสูจน์ผีพูดได้ เมื่อให้ไปเคาะหน้าผากของซากศพ
ปำฎิหารย์สำคัญมีครันครบ เธอเคยพบปาฎิหารย์อาจารย์ใด"
สาวกใหม่พบพระปาฎิหาริย์ ช่างเชียวชาญเลิศลบภพสมัย
จงรักพระตถาคตจนหมดใจ เธอจึงได้ดวงตาโสดาบัน ฯ (๕๘ คำ)
๕ มกราคม ๒๕๓๓
* สุนักขัตต์ คือฤกษ์ดี
พระพุทธองค์ทรงทราบวาระจิต เข้าคั่นมิจฉาทิฎฐิดำริบ้า
จึงโปรดพระสุนัขขัตตะกรุูณา แล้วตรัสว่าเจ็ดราตรีแต่นี้ไป
ชีเปลือยนี้จะตายวายชีวาตม์ ด้วยอาพาธท้องขึ้นท้องอืดใหญ่
ศพจะอยู่ป่าช้าในป่าไกล ชื่อ"วีรณถัมภกะ" ในไพรพนา
เขาจะตายไปเกิดกำเนิดอยู่ ในพวกหมู่อสุรกายร้ายนักหนา
เรียกอสุรกายชั้น "กาลัญชิกา" น่าสมเพชเวทนาในกรรมเวร
พระสนัขขัตตะฟังตระหนัก แต่ก็ชักสงสัยมองไม่เห็น
ว่าจะล่่วงรู้หมดถึงกฎเกณฑ์ ถึงเศษเดนกรรมกล้าไม่น่าฟัง
เที่ยวบอกพวกเดียร์ถีย์ที่มีอยู่ ถึงคำครูทำนายในภายหลัง
พวกเดียร์ถีย์ฟังว่านึกน่าชัง จึงคอยต้ังจับผิดติดตามดู
ครบเจ็ดวันทิวาและราตรี จึงตาชีเปลือยล้มสิ้นลมอยู่
พวกเดียร์ถีย์กลัวใครจะไปรู้ จึงลากลู่ถูกังยังป่าช้า
วีรณถัมภกะระยะไกล ปกปิดให้คนผุ้ไม่รู้ว่า
พระสมณโคดมมีสมญา ทำนายมาแม่นกับดั่งจับวาง
พระสุนัขขัตตะนึกตระหนัก แต่ไม่ยักเชือจริงทุกสิ่งอย่าง
ว่าเกิดไหนไม่แจ้งยังแคลงคลาง จะทราบทางเกิดน้ันได้ฉันใด
พระพุทธองค์จึงต้องชี้ช่องทาง ให้ไปข้างศพผีตาชีใหญ่
เคาะหัวศพสามครั้งโดยตั้งใจ ถามว่าไปเกิดไหนจงบอกมา
พระสุนัขขัตตะจิตกระด้าง จึงเดินทางเข้าไปถึงในป่า
เห็นศพชีเปลือยกลิ้งทิ้งสุธา จึงเคาะหน้าผากชีทันทีทันใด
ว่าดุูก่อนพระโกรักขัตติยะพระอรหันต์ ไปเกิดชั้นวิมานสถานไหน
ศพชีเปลือยลุกถลันขึ้นทันใด ว่าเราไปเกิดอยู่ "อสุรกาย"
ถามว่าอสุรกายน้ันนามฉันใด ตาชีไพรว่าเรียกสำเหนียกง่าย
"กาลัญชิกา"ในใต้อบาย แล้วล้มหงายเงียบสงบเหมือนศพเดิน
พระสุนัขขัตตะละพยศ มาวันทาพระสุคนหมดฮึกเหิม
พระพุทธองค์ตรัสล้อขึ้นต่อเดิม เพื่อส่งเสริมปัญญาพระสาวก
ว่า "ดูก่อนโฆษบุรุษสุดโง่เขลา เธอเห็นเราหรือยังนั่งวิตก
อิทธิฤทธิปาฎิหารย์อันเรายก มันถึงอกถึงใจได้หรือยัง
เราทำนายวันตายก็ได้ด้วย บอกเรื่องป่วยไข้ได้ดั่งใจหวัง
บอกถึงศพในป่าช้าที่คาซัง บอกกระทั่งเกิดตายอบายภพ
บันดาลให้พิสูจน์ผีพูดได้ เมื่อให้ไปเคาะหน้าผากของซากศพ
ปำฎิหารย์สำคัญมีครันครบ เธอเคยพบปาฎิหารย์อาจารย์ใด"
สาวกใหม่พบพระปาฎิหาริย์ ช่างเชียวชาญเลิศลบภพสมัย
จงรักพระตถาคตจนหมดใจ เธอจึงได้ดวงตาโสดาบัน ฯ (๕๘ คำ)
๕ มกราคม ๒๕๓๓
* สุนักขัตต์ คือฤกษ์ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น