วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

๓๔ นิทานเรื่อง ฝนหิมะห้าสี


๓๔.นิทาน
เรื่อง ฝนหิมะห้าสี

     ๐ มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล        เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งสาร์
เมื่อพระองค์ยังทรงพระชนมา               อยู่กรุงสาวัตถีบุรีรมย์
สถิตพระเชตวันอันตระการ                    ณ วิหารคันธาพระอาศรม
ทรงทราบด้วยพระญาณอันอุดม           ทรงชื่นชมพระมหานามะชี
ซึ่งเดินทางไปประกาศพระศาสนา        ณ มัจฉิกาสัณฑ์นครอันมีศรี
ได้เทศน์โปรด "จิตตะ"คฤหบดี             ลุธรรมมีดวงตาโสดาบัน
อันจิตตะคฤหบดีคนนี้เล่า                     มีบุญเก่าดีจริงเป็นมิ่งขวัญ     
จะลุเป็นพระอนาคามีพลัน                    ยังติดตันเพราะพระสุธรรมา
ยังเป้นปุถุชนมื่ดมนอยู่                          ยังเป็นผู้มีจิตริษยา
ต้องใช้พระอรหันต์มีปัญญา                  จึงจะสามารถสอนบวรธรรม
ให้เหมาะสมแก่จริตของจิตตะ               ของคฤหบดีไว้มิใช่ต่ำ
ทั้่งจะช่วยให้บรรลุพระสุธรรม               จะกระทำให้สว่างทางนิพพาน
จึงใช้พระโมคคัลลาน์พระสารีบุตร       ให้รีบรุดเข้าไปยังไพรสาณฑ์
เพื่อโปรดจิตตะคฤหบดีมิทันนาน         จนถึงบ้านมิจฉิกาสัณฑานคร
จึงพระอัครเอกสาวก                            รีบเดินบกไปพลันมิผันผ่อน
พร้อมพระสงฆ์พันเศษประเวศจร         ผ่านดงดอนแดนป่าวนาลี
พระโมคคัลาน์มีฤทธิ์ประสีทธี              พระสารีบุตรเลิศประเสริฐนัก
มีชื่อเสียงโ่ด่งดังฟังกระฉ่อน                อุตส่าห์จรมาสู่ให้รู้จัก
รีบเดินทางโดยไวไปรับพักตร์              โดยจงรักภักดีสุดขีวิต
เดินทางไปรับถื่งสักครึ่งโยชน์              แสนปราโมทย์ใหญ่หลวงในดวงจิต
จัดภัตตาหารหวานมันทุกชนิด             เข้าบูชิตประเคนพระเถรดัง
พระสุธรรมโกรธพิโรธนัก                      เหมือนมาหักหน้าตนแต่หนหลัง
จึงหนีแต่เข้าตรูไม่อยุ่ยั้ง                       มุ่งไปยังนิเวศพระเชตพน
ก่อนจะไปยังอุตส่าห์แวะมาขู่               ว่าไม่อยู่แล้ววัดที่ขัดสน
ขอคืนวัดเศรษฐีตระหนี่ล้น                   พระวัตตนแต่ไม่คิดใยดี
พอพระใหญ่มาสู่วิ่งจู่จับ                       เดินไปรับครึ่งโยชน์โปรดเต็มที่
พวกทำบุญเอาหน้าบ้าเต็มที               คงจะมีบุญฉาวเป็นข่าวดัง
แล่้วเดินทางโดยด่วนคร่ำครวญคิด      ถึงท่านจิตตะคหบดีที่อยู่หลัง
ดั้นดงเดินรุดไม่หยุดยั้ง                        ไปถึงยังเชตวันโดยทันใด
เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ตรงพระพักตร์      ระล่ำระลักทูลแจ้งแถลงไข
ไม่อยู่ "วัดอัมพาฎกวัน"ไพร                 เศรษฐีใหญ่ทำถวายเพราะอายคน
พระพุทธองค์ทรงฟังตรัสส่ังว่า             ไปขอขมาเศรษฐีจะมีผล
ท่่านบรรลุเป็นพระอริยบุคคล                เธอยังเป็นปุถุชนจึงพ้นภัย
พระสุธรรมเดินกลับตามรับสั่ง               เข้าไปนั่งขอขมาค่อยปราศรัย
ท่านเศรษฐีนิ่งเลยเมินเฉยไป               ไม่พูดจาปราศรัยอภัยทาน
ท่านสุธรรมกลับมาหาพระเจ้า               เศรษฐีเขาเฉยชาไม่ว่าขาน
พระพุทธองค์ทรงเพ่งเล็งพระญาณ      ก็แจ้งการเศรษฐีมีมานะ
จึงส่งพระคนกลางเดินทางไป              เป็นสักขีขานไขให้กระจะ
ท่านเศรษฐีฟังพจน์ก็ลดละ                  ถวายพระสรรเพ็ชรให้เสร็จไป
แล้วขอโทษพระสุธรรมทีทำการ          รับพระทางต่างบ้านเป็นการใหญ่่
เหมือนช้ามหน้าพระสุธรรมให้ช้ำใจ      จงอภัยให้ข้าจงอย่าเคือง 
พระสุธรรมก็ให้อภัยตอบ                       ให้ชื่นชอบเชยชดกันหมดเรื่อง
จึงท่านเศรษฐีใหญ่ใจประเทือง             จัดแจงเครื่องบูชาสักการะ
จะไปไหว้จอมมนุษย์พระพุทธองค์        อันสูงส่งสุดฟ้าสาธุสะ
เราบรรลุโสดาเป็นอาริยะ                       ยังไม่ปะพระพักตร์แต่สักที
จึงเตรียมเกวียนไม่น้อยห้าร้อยเล่ม        บรรทุกเต็มเครืองใช้ปัจจัยสี่
เครื่องเสบียงเลี้ยงพระและเณรชี           ประสกสีกาเดินไปเกินพัน
พระพุุทธองค์ทรงญาณปานเทพเจ้า      แลเห็นเหล่าชาวเมืองแน่นเนืองนั่น
กำลังเดินมุ่งหน้ากันมาพลัน                  จึงสรวลสันต์หรรษากับอานนท์
พระอานนท์แปลกใจอะไรนั่น                 พระไม่เคยสรวลสันต์สักกี่หน
ถ้าสรวลสันต์คร้ังใดไม่ชอบกล               มักได้ยลเรื่องผิดพิศดาร
จึงทุลถามพระองค์ทรงพระสรวล            ควรมิควรอย่างไรโปรดไขขาน
พระตรัสว่าวันนี้มิทันนาน                         ประมาณกาลบ่ายเย็นเป็นเวลา
ท่านจิตตะอุบาสกทายกใหญ่                  จะพาไพร่พลพันด้ันมาหา
มาไม่มาเปล่าเปล่ายังเอามา                   หิมะห้าสีหกมาตกลง
สูงจนท่วมหัวเข่าของเรานี่                      ในเนื้อทีแปดกรีสเกินประสงค์
ครั้นบ่ายคล้อยน้อยแสงพระสุริยง            เกิดเหตุตรงตามตรัสดำรัสนั้น
พระภิกษุห้าร้อยเคลื่อนคล้อยมา             เดินนำหน้าประสกสีกานั่น
อีกห้าร้อยรวมมากว่าหนึ่งพัน                  มาถึงพระเชตวันวนารามฃ
ท่านจิตตะคหบดีรี่เข้ามา                         กราบบาทาพระทศพลหนที่สาม
กอดพระบาทจุมพิตลงติดตาม                 น้ำตาลามไหลปลื้มจนลืมตัว
พลันหิมะห้าสีมีต่างต่าง                           สีเหมือนอย่างรุ้งน้ำพรมพรำทั่ว
ตกท่วมเข่าคนน้ันตัวสั่นรัว                       พากันกลัวบุญญาพระบารมี
พวกชาวเมืองสาวัตถีแสนดีใจ                  มิเคยได้เห็นจริงทุกสิ่งศรี
หิมะห้าสีมาเกลือนธานี                             ในคร้ังนี้่อัศจรรย์ลือกันอึง
พระอานนท์ทูลถามถึงความหลัง              หิมะหลั่งครั้งนี้เป็นที่หนึ่ง
มีห้าสีแสนงามสุดคำนึง                            มีบญถึงอัศจรรย์ด้วยฉันใด
พระพุทธองค์ทรงตรัสดำรัสเล่า                ถึงบญเก่าเศรษฐีจะมีไหน
เคยเกิดในพุทธกาลเนิ่นนานไกล              ในสมัยพระปทุมุตระ
เคยทำบุญสุนทานเป็นการใหญ่                ว่าให้ได้ประสบได้พบปะ
พระพุทธเจ้าอนาคตไม่ลดละ                    สำเร็จพระอรหันต์อนันตกาล
แล้วเวียนเกิดเวียนตายมาหลายชาติ         เกิดในศาสนาพุทธสุดไพศาล
พระพุทธกัสสปะนั้นมิทันนาน                     เป็นนายพรานล่าเนื้อในแดนดง
ได้พบพระนอนอยู่เชิงภูผา                         นึกศรัทธาเลื่อมใสในพระสงฆ์
จึงนิมนต์มาฉันอย่างบรรจง                        ต้ังเตาลงสองเตาในเหย้าเรือน
ทั้งหุงข้าวย่างเนื้อเพื่อถวาย                       โดยมุ่งหมายบุญดีไม่มีเหมือน
มีพระสองรูปเลียมมาเยี่ยมเยือน                 บอกให้เพือนหญิงชายถวายแทน
เอาข้าวเนื้อไปถวายพระชายป่า                  ที่อดอาหารยากลำบากแสน
เก็บดอกไม้งามระหงในดงแดน                   เอาไปแขวนบูชาไว้หน้าพระ
แล้วตั้งจิตอธิษฐานสาบานตัว                      เกิดในชั่วชาติใดก็ได้ปะ
ได้ทำทานพระเณรอย่าเว้นละ                      ให้ฝนชะเกศาข้าทันที
ให้หิมะห้าสียินดีตก                                      ลงบกศกของข้าถึงห้าสี
เหมือนฝนที่ตกพลันในวันนี้                         ในวันที่ข้าหมายถวายทาน
ในวันที่นายพรานทำทานนั้น                        ต้่องบุกบั่นเดินป่าโดยกล้าหาญ
เพราะฝนตกใหญ่นองเต็มท้องธาร               พระต้องอดอาหารอยู่ในดง
บุญนายพรานลำบากเดินตากฝน                 เดินดั้นด้นเข้าไพรใจประสงค์
ให้ทานพระอดอาหารใจมั่นคง                     บุญจึงส่งเสริมเขาในคราวนี้
จิตตะคหบดีเปรมปรีดา                                 แสนศรัทธาคำตรัสจรัสศรี
จึงลุธรรมโดยพลันในทันที                           เป็นอนาคามีบุคคลพลัน
พระสุธรรมภาวนารักษาจิต                           จนสัมฤทธิลุพระอรหันต์
พระพุทธองค์ทรงโปรดลดโทษทัณฑ์          จึงได้บรรลุวิมุติหลุดโลกีย์   (๙๒ คำ)

                                                                           ๑๗ มกราคม  ๒๕๓๓                                           

      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น