๓๗. นิทาน
เรื่อง พระแก่แพ้เณร
๐ มีนิทานนานสุดคร้ังพุทธกาล เป็นนิทานเรื่องจริงทุกสิ่งสรรพ์
พระพุทธองค์พร้อมสงฆ์สักครึ่งพัน ได้พากันเดินมาถึงป่าสะแก
เห็นกุฎีห้าร้อยไม่น้อยนั่น ได้พักกันชุมนุมทั้งหนุ่มแก่
เณรเรวัตปาฎิหารย์บันดาลแท้ งามไม่แพ้บุพาพระอาราม
มีพระแก่สององค์ปลงไม่ตก จึงหยิบยกนินทาว่าหยาบหยาม
ว่าเณรน้อยเอาหน้าพยายาม สร้างจนงามรับหน้าพระตถาคต
มัวแต่การก่อสร้างถากถางป่า เสียเวลาบำเพ็ญละเว้นหมด
จะเอาหน้าอารามทำงามงด ควรจะงดสร้างประมาณสถานกลาง
พระตถาคตมาในครานี้ เพราะท่านพี่มีศักดิ์เป็นหลักฐาน
เป็นสาวกเบื้องขวาได้หน้าบาน ถ่อสังขารมานี่เพราะพี่ต้ัง
พระพุทธองค์ทรงแจ้งแห่งพระญาณ ควรทรมานเสียก่อนเพื่อสอนสั่ง
จึงสำแดงฤทธาเข้ามาบัง ให้พระทั้่งสองปลื้มจนลืมตน
เมื่อกลับพพารามมาตามหลัง ให้ลืมทั้งบริขารไม่แบกขน
กระบอกกรองน้ำท่าไว้ป่าบน มากลางหนทางร้ายก็คลายฤทธิ์
ให้พระแก่สององค์ที่หลงไหล ลืมของไว้ในป่าประหม่าจิต
ต้องย้อนหลังไปพลันกระชั้นชิด เที่ยวเพ่งพิศของวางไว้อย่างไร
แต่กุฎิห้าร้อยเคลือนคล้อยหมด ไม่ปรากฎว่มีอยู่ที่ไหน
แต่กุฎิห้าร้อยเคลือนคล้อยหมด ไม่ปรากฎว่มีอยู่ที่ไหน
เห็นกระบอกกรองน้ำแขวนรำไร ห้อยอยู่ใต้ต้นสะแกมีแต่รก
ป่าสะแกเลื่อนเปื้อนเมื่อเดือนก่อน ที่เราจรมาดูอยู่หยกหยก
มันไม่มีเหมือนเก่าเราเพ้อพก เที่ยวเดินวกเวียนวนหาต้นทาง
พระแก่สองรูปตามโดนหนามไหน่ มันข่วนไหล่ข่วนหน้ามาทั้วร่าง
นึกสงสัยว่ากุฎีมีระวาง มันลอยคว้างไปได้อย่างไรกัน
ตามมาถึงบุพพาพระอาราม อันงดงามมีชื่อบรรลือลั่น
นางวิสาขาสร้างแต่ปางบรรพ์ พอดีทันเธอหากระยาคู
มาถวายพระป่าทั้งห้าร้อย ที่เดินคล้อยมาพักเมื่อสักครู่
วิสาขาออกปากโดยอยากรู้ ว่าที่อยู่เณรนั้นเป็นฉันใด
พระแก่จึงได้ตอบโดยชอบว่า มันเป็นป่าพงรามมีหนามไหน่
เหมือนป่าผีปาเปรตทุุเรศกระไร ไม่น่าอยู่อาศัยเป็นไพรพง
เมื่อพระแก่กลับไปได้สักครู่ ก็มีหมู่พระใหม่ในพระสงฆ์
มาฉันยาคูน้ันพลันนั่งลง เจ้าภาพคงไถ่ถามตามอัชฌา
ไปอยุ่ปามาถึงสักหนึ่งเดือน คงเบื่อเบือนไพรพงในดงป่า
พระหนุ่มตอบว่ามหาอุบาสิกา กุฎีน่าอยู่พักตำหนักทอง
ช่างวิจิครสวยงามอร่ามนัก น่าไปพักกุฎีหนที่สอง
นางวิสาขานึกน่ังตรึกตรอง ไม่สอดคล้องคำตอบไม่ชอบใจ
จึงถามพระจอมมุนีศรีสุุคต บำเพ็ญพรตป่าสะแกแน่ไฉน
ในป่ามีกุฎีอยู่ที่ใด จะมีใครสร้างศรีกุฎีทอง
นางอยากได้คำตอบให้ชอบจิต ว่าเณรฤทธิ์เหลือดีไม่มีสอง
สร้างกุฎีในป่างามน่ามอง พระจะต้องตอบตามความเป็นจริง
แต่พระจอมมุนีศรีสุคต ประภาสพจน์เป็นกลางอย่างดียิ่ง
ว่าป่าใดพระพักพำนักพิง ป่าก็ทิ้งชื่อป่าเป็นอาราม
ถ้าป่าใดผีอยู่ ก็รู้ว่า เป็นป่าช้าเปรตเป็นเขตห้าม
ถ้าป่าใดพระอยู่ก็รู้นาม เป็นป่าแก้วแวววามอร่ามเรือง ฯ (๔๒ คำ)
๑๘ มกราคม ๒๕๓๓
พระหนุ่มตอบว่ามหาอุบาสิกา กุฎีน่าอยู่พักตำหนักทอง
ช่างวิจิครสวยงามอร่ามนัก น่าไปพักกุฎีหนที่สอง
นางวิสาขานึกน่ังตรึกตรอง ไม่สอดคล้องคำตอบไม่ชอบใจ
จึงถามพระจอมมุนีศรีสุุคต บำเพ็ญพรตป่าสะแกแน่ไฉน
ในป่ามีกุฎีอยู่ที่ใด จะมีใครสร้างศรีกุฎีทอง
นางอยากได้คำตอบให้ชอบจิต ว่าเณรฤทธิ์เหลือดีไม่มีสอง
สร้างกุฎีในป่างามน่ามอง พระจะต้องตอบตามความเป็นจริง
แต่พระจอมมุนีศรีสุคต ประภาสพจน์เป็นกลางอย่างดียิ่ง
ว่าป่าใดพระพักพำนักพิง ป่าก็ทิ้งชื่อป่าเป็นอาราม
ถ้าป่าใดผีอยู่ ก็รู้ว่า เป็นป่าช้าเปรตเป็นเขตห้าม
ถ้าป่าใดพระอยู่ก็รู้นาม เป็นป่าแก้วแวววามอร่ามเรือง ฯ (๔๒ คำ)
๑๘ มกราคม ๒๕๓๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น