๓๖. นิทาน
เรื่่อง สามเณรอรหันต์
๐ มีนิทานนานสุดครั้งพุทธกาล เป็นนิทานเรื่องจริงเป็นสิ่งสัตย์
มีสามเณรชื่่อเก๋ว่า "เรวัต" เป็นอรหัตแต่คร้ังยังเป็นเณร
บุตรของนางสารีอันมีชื่อ มีบุตรคือ "สารีบุตร" อตตมเถร
บุตรคนโต "อุปติส" คิดพิเรนทร์ ชอบตระเวนเข้าดงในพงไพร
คบฤาษีชีพราหมณ์ไปตามป่า เพื่อดูว่าชีดงพระองค์ไหน
สำเร็จพระอรหัตได้ตรัสไตร รู้แจ้งในไตรโลกสิ้นโศกทรวง
แล้วก็ไปศรัทธาปริพาชก ที่คนยกว่าดีเป็นชีหลวง
แต่ไม่แน่ใจจริงสิ่งทั้งปวง ว่าจะล่วงรู้จริงทุกสิ่งไป
วันหนึ่งได้พบพระอัสชิ มีสติมั่นคงไม่สงสัย
อิริยาบถสี่ดีกระไร พรรณผ่องใสสังเกตุมีเมตตา
จึงถามว่าอาจารย์ท่านชื่อใด ท่านชอบใจธรรมกถึกเข้าศึกษา
อยู่สำนักใดดีมีปัญญา ได้ดวงตาเห็นธรรมเลิศล้ำจริง
พระอัสชิตอบว่าข้าผุู้น้อย ยังมิค่อยแจ้งใจในทุกสิ่ง
พระศาสดาข้าเลิศประเสริฐยิ่ง สอนให้นิ่งพินิจพิจารณา
ว่าทุกส่ิ่งไหลมาแต่สาเหตุ พระทรงเทศน์ถึงเหตุดุจดังว่า
เมื่อดับเหตุเสียสิ้นทั้่วดินฟ้า สิ่งนานาดับเชื้อไม่เหลือเดน
สะดุดจิตคิดเห็นว่าเป็นจริง จึงยืนนิ่งวันทามหาเถร
เดินตามหลังไปไม่มีใครเกณฑ์ ถึงบริเวณป่ากว้างในกลางไพร
อันพวกปัญจวัคคีย์หลีกหนีมา เข้าบูชาไฟอยู่เป็นหมู่ใหญ่
พระพุทธองค์ตามมาไม่ช้าใย เมื่อทรงได้ลุพระโพธิญาณ
เทศน์โปรดปัญจวัคคีย์มีปัญญา ได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นแก่นสาร
พระโกณฑัญญะพราหมณ์ตามโบราณ บำเพ็ญฌานเชี่ยวกล้ายิ่งกว่าใคร
จึงพลันได้ดวงตาโสดาบัน ในฉับพลันปัญญาดวงตาใส
พระภัททิยะ, วัปปะ, องค์ต่อไป พระมหานามะ, ได้ดวงปัญญา
พระอัสสชิพราหมณ์ป่าบูชาไฟ ผู้มีวัยยังอ่่อนหย่อนพรรษา
ก็ได้ธรรมจักษุสุธรรมา เป็นโสดาบนัสงฆ์องค์สุดท้าย
จึงเเที่ยวออกบิณฑบาตเที่ยวยาตรา กิริยางดงามมีความหมาย
พระอุปติสติดตามพราหมณ์หนุ่มชาย จนถึงภายในพนาสวนป่ากวาง
ได้พบพระพุทธเจ้าเข้าบังคม พระบรมราชครูอยู่ห่างห่าง
พระองค์ทรงเห็นชัดจึงตรัสพลาง ว่านั่นร่างของสงฆ์ทรงปัญญา
จะเข้ามาบรรพชาเป็นสาวก ที่เรายกเป็นมิตรศิษย์มือขวา
ขอบวชเป็นข้าบาทพระศาสดา ได้เป็นสาวกเอกภิเศกนาม
เรียกพราะสารีบุตรพิสุทธิ์สงฆ์ เลิศกว่าองค์อื่่นใดในโลกสาม
อัครสาวกเบื่องขวาสง่างาม มีชื่อตามมารดาสมญากร
มีน้องร่วมอุทรกระฉ่อนชื่อ ล้วนเชื่อถือพี่น่ังคอยส่ังสอน
เข้าบวชเป็นอรหันต์นิรันดร ชาวนครลือชาในคราน้ัน
ห้าคนบวชตามพี่สารีบุตร เป็นมนุษย์พ้นโศกโลกสวรรค์
เป็นอรหันต์มี่นามไปตามกัน เหลือแต่ชั้นสุดท้องเป็นน้องชาย
ชือ "เรวัต" เบ็ดเสร็จเจ็ดพรรษา พ่อแม่ว่าน้องนี้มีความหมาย
จะได้สืบตระกูลเป็นมูลนาย มีเชื่อสายสืบวงศ์พงศ์ประยูร
จึงรีบหาสาวน้อยแม่ร้อยชั่ง อายุยังน้อยอยู่ไมรูํ้สูญ
เจ็ดขวบเท่ากันเสริมมาเพ่ิ่มพูน คิดหารคูณจัดการงานวิวาห์
ตามธรรมเนียมอินเดียไม่เสี่ยหลาย ให้หม่ั้นหมายเสียก่อนอ่อนพรรษา
เพื่อผูกพันมั่นสุดมีบุตรา ให้บิดามารดานั้นได้บุญ
เรวัตเห็นผิวกายคุณยายเหี่ยว ปากบิดเบี้ยวสั่นเร่าผมขาวกรุ่น
คิดว่าคนแก่นี้ไม่มีคุณ คงเซซุนล้มตายเมื่อปลายมือ
นึกคิดอยากอออกบวชนั่งสวดมนต์ เหมือนพี่คนอื่นดีล้วนมีชื่อ
บวชไปแล้วหกคนฝูงคนลือ เรานี้หรืออยูไปทำไมกัน
พระสารีบุตรเพ่งญาณเห็นบ้านช่อง ทราบใจน้องรักดีขมีขมัน
จึงส่ังพระที่ไปในไพรวัน พบน้องนั้นเรวัตอย่าขัดใจ
ถ้าเธอขอบวชเณรมาเป็นศิษย์ ให้รับกิจบวชน้องให้ผ่องใส
ไม่ต้องขออนุญาตสิทธิ์ขาดใคร คงไม่ให้บวชแน่พ่อแม่น้ัน
เรวัตน้อยหลบหนีพิธีแต่ง ไปถุึงแหล่งวัดป่าพนาสัณฑ์
เข่้ากราบพระวัดป่าพนาวัน ขอบวชบรรพชาเป็นสามเณรน้อย
เมื่อพระป่าซักไซ้ไล่เลียงดู รู้ว่าหนูน้อยไซร้มิใช่ย่อย
สารีบุตรนุชน้องมีร่องรอย จะติดต้อยตามหาพี่ยาตน
จึงบวชให้เรวัตลัดกฎเกณฑ์ เป็นสามเณรน้อยไว้ในไพรสณฑ์
พระสารีบุตรทราบเรื่องเบื้องยุบล จะเดินด้นตัดป่าไปหาน้อง
เข้าทูลลาพระมหามุนีนาถ ไม่อนุญาตตรัสสั่งยังขัดข้อง
ให้คอยหนึ่งพรรษาอย่าคะนอง ให้น้องครองศึลก่อนค่อยจรไป
คถาคตจักได้เดินไปด้วย เพื่อไปช่วยเณรน้องให้ผ่องใส
พระสารีบุตรยำเยงเกรงพระทัย ถีงอย่างไรพระสรรเพชญ์เห็นเหตุการณ์
ฝ่ายเรวัตเณรน้อยเฝ้าคอยพี่ คอยหลบหนีญาติดยมอยู่ทางบ้าน
จึงหนีเร้นบำเพ็ญตบะฌาน ในดงดานป่าสะแกไกลแม่น้ำ
ห่างจากบ้านไกลบิบสามสิบโยชน์ นั่งสันโดษภาวนาเวลาค่ำ
ทั้งเช้าสายบ่ายเย็นเป็นประจำ จนลุธรรมอรหัตวิปัสสนา
ได้บรรลุปฎิสัมภิทาญาณ โดยประมาณนับได้ในพรรษา
พระพุทธองค์ทรงสิ้นอภิญญา ทรงทราบว่าเรวัตตัดโลกีย์
เป็นเณรน้อยสำเร็จเผด็จศึก รู้ตื้นลึกธรรมล้วนโดยถ้วนถี่
จำจะไปรับขวัญโดยทันที พระจึงมีพจนาทประกาศไป
เราจะไปรับเณรบำเพ้ญพรต อันปรากฎฤทธาในป่าใหญ่
จึงพระเณรถ้วนหน้าจึงคลาไคล เข้าพงไพรไม่น้อยห้าร้อยองค์
ให้พระสีวลีผู้มีลาภ อันเอิบอาบลาภายิ่งกว่าสงฆ์
เดินนำหน้าเข้าไปในไพรพง โดยเจาะจงให้ท่านบันดาลฤทธิ์
ให้พระได้อิ่มหนำสุขสำราญ ภัตตาหารอิ่มหนำชื่นฉ่ำจิต
เพราะพระทั้งห้าร้อยใช่น้อยนิด จึงต้องคิดวางแผนแดนกันดาร
พระที่เดินทางไกลจึงใจชื้น ล้วนสดชื่นในป่าภัตตาหาร
ส่วนเรวัตเณรองค์ผู้ทรงญาณ ทราบเรื่องการเดินป่าพระห้าร้อย
มีพระจอมศาสดานำหน้าสงฆ์ เดินในพงไพรใหญ่มิใช่ย่อย
จึงเนรมิตกุฎีมิใช้น้อย เอาไว้คอยรับสงฆ์ในพงไพร
พระบรมศาสดาพระอานนท์ พระสารีบุุตรบุคคลผู้ยิงใหญ่
พระสีวลีมีชื่อเลื่องลือไกล อยูู่ในไพรไกลลิบสามสิบวัน
จึงเสด็จกลับมายังอาราม อันมีนามยืนยาวคนกล่าวขวัญ
คือวัดบุพพารามนามสำคัญ พร้อมเณรชั้นอรหันต์อันลือชา ฯ (๘๔ คำ)
๑๘ มกราคม ๒๕๓๓
จึงบวชให้เรวัตลัดกฎเกณฑ์ เป็นสามเณรน้อยไว้ในไพรสณฑ์
พระสารีบุตรทราบเรื่องเบื้องยุบล จะเดินด้นตัดป่าไปหาน้อง
เข้าทูลลาพระมหามุนีนาถ ไม่อนุญาตตรัสสั่งยังขัดข้อง
ให้คอยหนึ่งพรรษาอย่าคะนอง ให้น้องครองศึลก่อนค่อยจรไป
คถาคตจักได้เดินไปด้วย เพื่อไปช่วยเณรน้องให้ผ่องใส
พระสารีบุตรยำเยงเกรงพระทัย ถีงอย่างไรพระสรรเพชญ์เห็นเหตุการณ์
ฝ่ายเรวัตเณรน้อยเฝ้าคอยพี่ คอยหลบหนีญาติดยมอยู่ทางบ้าน
จึงหนีเร้นบำเพ็ญตบะฌาน ในดงดานป่าสะแกไกลแม่น้ำ
ห่างจากบ้านไกลบิบสามสิบโยชน์ นั่งสันโดษภาวนาเวลาค่ำ
ทั้งเช้าสายบ่ายเย็นเป็นประจำ จนลุธรรมอรหัตวิปัสสนา
ได้บรรลุปฎิสัมภิทาญาณ โดยประมาณนับได้ในพรรษา
พระพุทธองค์ทรงสิ้นอภิญญา ทรงทราบว่าเรวัตตัดโลกีย์
เป็นเณรน้อยสำเร็จเผด็จศึก รู้ตื้นลึกธรรมล้วนโดยถ้วนถี่
จำจะไปรับขวัญโดยทันที พระจึงมีพจนาทประกาศไป
เราจะไปรับเณรบำเพ้ญพรต อันปรากฎฤทธาในป่าใหญ่
จึงพระเณรถ้วนหน้าจึงคลาไคล เข้าพงไพรไม่น้อยห้าร้อยองค์
ให้พระสีวลีผู้มีลาภ อันเอิบอาบลาภายิ่งกว่าสงฆ์
เดินนำหน้าเข้าไปในไพรพง โดยเจาะจงให้ท่านบันดาลฤทธิ์
ให้พระได้อิ่มหนำสุขสำราญ ภัตตาหารอิ่มหนำชื่นฉ่ำจิต
เพราะพระทั้งห้าร้อยใช่น้อยนิด จึงต้องคิดวางแผนแดนกันดาร
พระที่เดินทางไกลจึงใจชื้น ล้วนสดชื่นในป่าภัตตาหาร
ส่วนเรวัตเณรองค์ผู้ทรงญาณ ทราบเรื่องการเดินป่าพระห้าร้อย
มีพระจอมศาสดานำหน้าสงฆ์ เดินในพงไพรใหญ่มิใช่ย่อย
จึงเนรมิตกุฎีมิใช้น้อย เอาไว้คอยรับสงฆ์ในพงไพร
พระบรมศาสดาพระอานนท์ พระสารีบุุตรบุคคลผู้ยิงใหญ่
พระสีวลีมีชื่อเลื่องลือไกล อยูู่ในไพรไกลลิบสามสิบวัน
จึงเสด็จกลับมายังอาราม อันมีนามยืนยาวคนกล่าวขวัญ
คือวัดบุพพารามนามสำคัญ พร้อมเณรชั้นอรหันต์อันลือชา ฯ (๘๔ คำ)
๑๘ มกราคม ๒๕๓๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น